Customers Also Purchased
ไดโว่ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการระบายน้ำ งานเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมก่อสร้างต่างๆ โดยมีหน้าที่หลักคือการดูดและระบายน้ำออกจากพื้นที่ต่างๆ เช่น บ่อเก็บน้ำ บ่อน้ำเสีย หรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ไดโว่ ก็สามารถเกิดปัญหาได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้งานที่ไม่เหมาะสม การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ หรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้า หากคุณเข้าใจถึงสาเหตุและปัญหา มันสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง มันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และยืดอายุการใช้งานของ ไดโว่ ให้ยาวนานขึ้นได้
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณไปดูสาเหตุหลักที่ทำให้ ไดโว่ เสียพร้อมกับแนวทางแก้ไขที่คุณสามารถทำเองได้แบบง่ายๆเพื่อให้ ไดโว่ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปอ่านบทความนี้กันได้เลย
สาเหตุที่ ไดโว่ เสีย
ไดโว่ ไม่ทำงานหรือเปิดไม่ติด
- สายไฟขาดหรือหลวม อาจเกิดจากการใช้งานหนักเป็นเวลานาน ทำให้ฉนวนหุ้มสายไฟเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ การกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นสูง ฝุ่นละออง หรือสารเคมี อาจทำให้สายไฟเปราะและขาดง่าย อีกทั้งการพับสายไฟบ่อย ๆ หรือการดึงสายไฟโดยไม่ถูกวิธี อาจทำให้ขั้วต่อภายในสายไฟหลวม ส่งผลให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอและอาจทำให้ ไดโว่ ไม่ทำงานหรือทำงานผิดปกติ
- ฟิวส์ขาดหรือเบรกเกอร์ตัด อาจเกิดจากการจ่ายกระแสไฟฟ้าเกินพิกัด ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้งาน ไดโว่ ที่มีขนาดใหญ่กว่ากำลังไฟฟ้าที่รองรับ หรือเมื่อมีโหลดกระชากจากการเปิดเครื่องในขณะที่มีน้ำขังมาก นอกจากนี้ สายไฟที่ชำรุดหรือเกิดการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าอาจทำให้เบรกเกอร์ตัดเพื่อป้องกันอุปกรณ์จากความเสียหาย ควรตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้ ไดโว่ และตรวจดูว่ามีการเชื่อมต่อที่แน่นหนาหรือไม่ หากพบปัญหาควรปรับเปลี่ยนฟิวส์หรือเบรกเกอร์ให้เหมาะสมกับค่าพิกัดของอุปกรณ์
- มอเตอร์ไหม้หรือมีปัญหาภายใน อาจเกิดจากการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่มีการพักเครื่อง ส่งผลให้ขดลวดภายในมอเตอร์ร้อนเกินไปจนฉนวนกันความร้อนเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ การเกิดความร้อนสะสมในมอเตอร์อาจเกิดจากการไหลเวียนของอากาศไม่เพียงพอ เช่น มีฝุ่นสะสมรอบตัวมอเตอร์ หรือการติดตั้งในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี อีกทั้งแรงดันไฟฟ้าที่ไม่คงที่หรือไฟตกบ่อย ๆ อาจส่งผลให้มอเตอร์ทำงานหนักขึ้นและเกิดความร้อนสะสมได้เร็วยิ่งขึ้น
- น้ำเข้าไปในมอเตอร์ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งโดยปกติจะเกิดจากซีลกันน้ำรั่วหรือชำรุด อาจเกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน การติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง หรือแรงดันน้ำภายนอกที่มากเกินไปจนทำให้ซีลเสียหาย นอกจากนี้ หากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น ทรายหรือเศษวัสดุเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ซีล อาจทำให้เกิดช่องโหว่และทำให้น้ำซึมเข้าไปในมอเตอร์ได้ง่ายขึ้น เมื่อเกิดน้ำเข้าไปภายใน อาจส่งผลให้ขดลวดภายในเกิดการช็อตไฟฟ้า หรือทำให้แบริ่งของมอเตอร์เกิดสนิมและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
วิธีแก้ไข
- ตรวจสอบปลั๊กและสายไฟว่ามีรอยขาดหรือไม่ หากขาดให้เปลี่ยนสายไฟใหม่ และใช้เทปพันสายไฟกันน้ำเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต นอกจากนี้ควรตรวจสอบความแน่นของขั้วต่อสายไฟเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีจุดสัมผัสหลวมที่อาจทำให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดหรือเกิดความร้อนสะสมจนสายไฟไหม้
- เช็คฟิวส์และเบรกเกอร์ หากฟิวส์ขาดให้เปลี่ยนใหม่ และตรวจสอบว่ากระแสไฟฟ้าที่จ่ายเข้าเครื่องอยู่ในค่าที่เหมาะสม ควรใช้ฟิวส์ที่มีพิกัดเหมาะสมกับอัตราการกินกระแสของ ไดโว่ และหลีกเลี่ยงการใช้ฟิวส์ที่มีค่ามากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายกับวงจร
- หากมอเตอร์มีเสียงดังแต่ไม่หมุน อาจต้องให้ช่างตรวจสอบภายใน โดยเฉพาะแบริ่งและเพลามอเตอร์ ซึ่งอาจสึกหรอหรือมีการติดขัด นอกจากนี้อาจต้องเปลี่ยนคาปาซิเตอร์หากพบว่ามีค่าไฟฟ้าที่ลดลงหรือชำรุด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มอเตอร์ทำงานไม่เต็มกำลัง
- ตรวจสอบซีลกันน้ำ หากมีการรั่วให้เปลี่ยนซีลใหม่เพื่อป้องกันน้ำเข้ามอเตอร์ ควรใช้ซีลกันน้ำคุณภาพสูงและติดตั้งอย่างถูกต้องเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำไม่สามารถซึมเข้าไปในตัวเครื่องได้ และควรตรวจสอบสภาพซีลทุก ๆ 6 เดือน รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้งาน ไดโว่ ในระดับน้ำต่ำเกินไป เพราะอาจทำให้ซีลทำงานหนักและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ไดโว่ ดูดน้ำไม่ขึ้นหรือแรงดันน้ำต่ำกว่าปกติ
- ตะแกรงกรองน้ำอุดตันเป็นปัญหาที่พบบ่อย ซึ่งเกิดจากการสะสมของเศษดิน ทราย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้ปริมาณน้ำที่เข้าปั๊มลดลง ส่งผลให้แรงดันน้ำตกและ ไดโว่ ทำงานหนักขึ้น หากไม่ได้รับการดูแล อาจทำให้มอเตอร์เกิดความร้อนสะสมและเสียหายในที่สุด
- มีอากาศเข้าไปในระบบทำให้เกิดแรงดันต่ำ เนื่องจากมีรอยรั่วในท่อดูดน้ำ หรือมีการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตำแหน่งของท่อดูดอยู่สูงกว่าระดับน้ำ ทำให้เกิดโพรงอากาศและลดประสิทธิภาพการดูดน้ำ
- ใบพัดสึกหรอหรือเสียหายจากการใช้งานเป็นเวลานานหรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปขัดขวาง ทำให้การไหลของน้ำลดลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพของ ไดโว่ ควรมีการตรวจสอบและเปลี่ยนใบพัดตามระยะเวลาการใช้งานที่แนะนำ
- มอเตอร์หมุนช้าเนื่องจากไฟฟ้าตกหรือสายไฟไม่เหมาะสม การใช้สายไฟที่มีขนาดเล็กเกินไปหรือยาวเกินไปอาจทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าตก ส่งผลให้กำลังการทำงานของ ไดโว่ ลดลง นอกจากนี้ หากแหล่งจ่ายไฟมีความไม่เสถียร เช่น ไฟกระชากหรือไฟตกบ่อย อาจส่งผลให้มอเตอร์ทำงานผิดปกติและอายุการใช้งานสั้นลง
วิธีแก้ไข
- ทำความสะอาดตะแกรงกรองน้ำเพื่อลดสิ่งอุดตัน ควรใช้แปรงขนอ่อนหรือเครื่องเป่าลมแรงดันสูงเพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ และควรล้างกรองทุกเดือนเพื่อป้องกันการสะสมของตะกอนที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของ ไดโว่
- ตรวจสอบว่าท่อดูดน้ำไม่มีรอยรั่วหรือช่องว่างที่อากาศสามารถเข้าไปได้ รอยรั่วเล็ก ๆ อาจทำให้ ไดโว่ ดูดอากาศแทนน้ำ ส่งผลให้แรงดันน้ำต่ำ หากพบว่ามีรอยรั่วให้ใช้กาวกันน้ำซ่อมแซมหรือเปลี่ยนท่อใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าระบบปิดสนิท
- ถอดใบพัดเพื่อตรวจสอบ หากพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ ให้ทำความสะอาดทันที หากใบพัดสึกหรอมากให้เปลี่ยนใหม่ โดยเลือกใช้ใบพัดที่เหมาะสมกับประเภทของ ไดโว่ เช่น ใบพัดโลหะสำหรับน้ำเสีย หรือใบพัดพลาสติกสำหรับน้ำสะอาด
- เช็คแรงดันไฟฟ้า หากต่ำเกินไปอาจทำให้มอเตอร์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ควรเปลี่ยนไปใช้สายไฟที่มีขนาดเหมาะสมกับกระแสไฟที่ใช้งาน และตรวจสอบว่าไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายมีเสถียรภาพ หากพบว่าไฟตกบ่อย ควรใช้เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าเพื่อรักษาค่ากระแสไฟให้คงที่
ไดโว่ มีเสียงดังผิดปกติขณะทำงาน
- มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่ใบพัด เช่น เศษหิน ทราย หรือวัตถุแข็งอื่น ๆ ซึ่งอาจเข้ามาขัดขวางการหมุนของใบพัด ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ และลดประสิทธิภาพการทำงานของ ไดโว่ หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน อาจทำให้ใบพัดเสียหายหรือแตกหักได้
- แบริ่งมอเตอร์หลวม หรือเสื่อมสภาพ เนื่องจากการใช้งานเป็นเวลานานโดยไม่มีการหล่อลื่นที่เพียงพอ หรือมีน้ำและฝุ่นละอองเข้าไปสะสมภายใน ทำให้เกิดการเสียดสีที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนและเสียงดังผิดปกติ อีกทั้งยังอาจทำให้มอเตอร์มีอุณหภูมิสูงขึ้นและลดอายุการใช้งานลง
- มอเตอร์ทำงานเกินกำลังทำให้เกิดการสั่นสะเทือน อาจเกิดจากการเลือกใช้ ไดโว่ ที่มีกำลังต่ำกว่าความต้องการ หรือใช้งานในสภาพที่มีแรงต้านน้ำสูงเกินไป ทำให้มอเตอร์ต้องทำงานหนักกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้ขดลวดมอเตอร์ร้อนจัดจนเสื่อมสภาพ และอาจทำให้ ไดโว่ หยุดทำงานเร็วกว่าที่ควร
วิธีแก้ไข
- ปิดเครื่องและถอด ไดโว่ ออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบว่ามีเศษหิน ทราย หรือสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่ใบพัด ควรใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น แปรงหรือปากคีบในการนำออก และตรวจสอบความเสียหายของใบพัด หากใบพัดมีรอยแตกหรือสึกหรอมาก ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- เปลี่ยนแบริ่งหากพบว่าเสื่อมหรือหมุนไม่ลื่น แบริ่งที่มีการเสื่อมสภาพอาจทำให้มอเตอร์ทำงานไม่เต็มกำลัง และก่อให้เกิดความร้อนสะสมซึ่งส่งผลให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรใช้แบริ่งคุณภาพสูงที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน
- ตรวจสอบกำลังของมอเตอร์ให้เหมาะสมกับโหลดงานที่ใช้ หากมอเตอร์ทำงานหนักเกินไป อาจส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงและลดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ควรใช้มอเตอร์ที่มีกำลังเหมาะสมและตรวจสอบระบบไฟฟ้าให้มีแรงดันที่เสถียรเพื่อป้องกันปัญหามอเตอร์ร้อนเกินไป
วิธีป้องกัน ไดโว่ เสียก่อนเวลาอันควร
ตรวจสอบ และบำรุงรักษาเป็นประจำ
- ทำความสะอาดตะแกรงกรองน้ำทุกเดือน โดยใช้แปรงขนอ่อนหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ ควรตรวจสอบว่าไม่มีเศษตะกอนสะสม ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
- ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟเพื่อป้องกันการชำรุด ควรสังเกตว่ามีรอยขาด รอยไหม้ หรือรอยกัดแทะจากสัตว์หรือไม่ และเปลี่ยนใหม่ทันทีหากพบว่ามีความเสียหาย เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรืออุบัติเหตุไฟฟ้า
ใช้งานให้เหมาะสมกับประเภทของ ไดโว่
- เลือกใช้ ไดโว่ ที่เหมาะกับงาน โดยพิจารณาจากประเภทของน้ำและลักษณะการใช้งาน เช่น ไดโว่ น้ำสะอาดสำหรับบ่อน้ำดื่มหรือสระว่ายน้ำ ไดโว่ น้ำเสียสำหรับระบายน้ำจากบ่อบำบัดหรือโรงงานอุตสาหกรรม และ ไดโว่ น้ำโคลนสำหรับงานก่อสร้างหรือฟาร์มที่ต้องปั๊มน้ำที่มีเศษดินและตะกอนจำนวนมาก การเลือกประเภทที่ถูกต้องจะช่วยให้ ไดโว่ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
หลีกเลี่ยงการใช้ ไดโว่ ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
- หลีกเลี่ยงการใช้ ไดโว่ ในบริเวณที่มีของแข็งหรือเศษวัสดุเยอะ เช่น กรวด ทราย หรือเศษไม้ เพราะอาจทำให้ใบพัดเสียหายและลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง นอกจากนี้ การมีเศษวัสดุจำนวนมากอาจทำให้ตะแกรงกรองน้ำอุดตัน ส่งผลให้ ไดโว่ ดูดน้ำได้ไม่เต็มที่และทำงานหนักเกินไป
- อย่าปล่อยให้ ไดโว่ ทำงานแห้งโดยไม่มีน้ำ เพราะอาจทำให้มอเตอร์ไหม้ เนื่องจากระบบระบายความร้อนของ ไดโว่ พึ่งพาน้ำที่ไหลผ่าน หากไม่มีน้ำในระบบ มอเตอร์จะร้อนเกินไปและเกิดความเสียหายต่อขดลวดและแบริ่ง ควรตรวจสอบระดับน้ำก่อนเปิดใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันปัญหานี้
ใช้ ไดโว่ ให้เหมาะกับกำลังไฟที่รองรับ
- ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าก่อนใช้งาน โดยใช้เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบว่าค่าที่ได้รับอยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับ ไดโว่ ที่ใช้งาน ควรเช็คว่ากระแสไฟฟ้าไม่มีความผันผวนมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของมอเตอร์และทำให้เกิดความเสียหายได้
- หลีกเลี่ยงการใช้สายไฟที่ยาวเกินไปและไม่เหมาะสมกับกำลังไฟของเครื่อง เนื่องจากสายไฟที่ยาวเกินไปอาจทำให้แรงดันไฟฟ้าตก ส่งผลให้มอเตอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้สายไฟที่มีขนาดพอเหมาะกับกำลังไฟของ ไดโว่ และใช้สายไฟคุณภาพสูงที่มีฉนวนกันไฟฟ้ารั่วเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร