Customers Also Purchased
ชะแลง เป็นหนึ่งในเครื่องมือช่าง ที่ได้รับการยอมรับในวงการก่อสร้างเลยก็ว่าได้ครับ ด้วยประโยชน์รอบด้าน และความแข็งแกร่งที่ช่วยให้ช่างสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานรื้อถอน งัดแงะ หรือช่วยในการติดตั้งโครงสร้างต่างๆนั่นเองครับ ถ้าหากว่าไม่มี ชะแลง งานหลายอย่างอาจจะกลายเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับงานที่ต้องการรื้อถอน
นอกจากนี้ ชะแลง ยังถูกใช้ในงานซ่อมแซม รวมถึงการเคลื่อนย้ายวัตถุหนักบางชนิดที่ต้องอาศัยแรงงัดที่มากขึ้นนั่นเอง ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ชะแลงการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน ตลอดจนเทคนิคในการใช้งานอย่างปลอดภัย เพื่อให้คุณสามารถหยิบ ชะแลงมา ใช้ในงานก่อสร้างได้อย่างคุ้มค่าที่สุด หากพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันได้เลย
ชะแลง คืออะไร?

ประเภทของ ชะแลง
ชะแลงตรง (Straight Crowbar)
ชะแลงงอ (Gooseneck Crowbar)
ชะแลงสองง่าม (Double Claw Crowbar)
ชะแลง ในงานก่อสร้าง
การรื้อถอน และการงัดแงะ
การช่วยติดตั้งโครงสร้าง
การเพิ่มแรงกดและยกของหนัก

วัสดุและการออกแบบ ชะแลง
วัสดุที่ใช้ในการผลิต ชะแลง
- เหล็กกล้า (Forged Steel) ให้ความแข็งแรงสูง ทนทานต่อการกระแทก และแรงกด อีกทั้งยังสามารถทนต่อการสึกหรอจากการใช้งานหนักในระยะยาวได้ดี เหล็กกล้าถูกผลิตขึ้นโดยผ่านกระบวนการตีขึ้นรูปที่ทำให้โครงสร้างภายในแน่นหนาและแข็งแรงกว่าวัสดุโลหะทั่วไป นอกจากนี้ เหล็กกล้าคุณภาพสูงบางรุ่นยังมีการเคลือบสารกันสนิม เพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน และลดโอกาสการเกิดสนิมเมื่อใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น ไซต์งานก่อสร้างที่ต้องเจอกับฝนหรือน้ำเป็นประจำ
- ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) น้ำหนักเบาและช่วยลดแรงกระแทก อีกทั้งยังมีความสามารถในการดูดซับแรงสะเทือนได้ดี ทำให้ลดอาการเมื่อยล้าของผู้ใช้เมื่อทำงานเป็นเวลานาน ไฟเบอร์กลาสยังมีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิต จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ ไฟเบอร์กลาสยังไม่เป็นสนิมและทนต่อสารเคมีต่างๆได้ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือมีสารกัดกร่อนสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและไซต์งานก่อสร้างที่ต้องเผชิญกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยนั่นเอง
- อะลูมิเนียม (Aluminum) มีน้ำหนักเบาแต่ไม่แข็งแรงเท่าเหล็ก แต่อย่างไรก็ตาม อะลูมิเนียมมีคุณสมบัติที่ทนต่อการกัดกร่อนสูง และไม่เป็นสนิม ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องเจอพวกสารเคมี นอกจากนี้เอง อะลูมิเนียมยังสามารถนำมาใช้ในงานที่ต้องการความคล่องตัว และลดภาระน้ำหนักของตัวชะแลง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้สะดวก และลดความเมื่อยล้าระหว่างการทำงานได้
การออกแบบและคุณสมบัติพิเศษ
- ปลายแหลม (Chisel Tip): ช่วยให้สามารถงัดแงะได้ง่ายขึ้น โดยการออกแบบปลายแหลมนี้ทำให้สามารถแทรกเข้าไปในช่องว่างเล็ก ๆ ได้สะดวก เช่น รอยแยกของไม้ แผ่นคอนกรีต หรือรอยต่อของวัสดุต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มแรงกดในจุดเล็ก ๆ ทำให้สามารถงัดวัสดุที่แข็งแรงหรือยึดแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับการรื้อถอนโครงสร้างที่ต้องการความแม่นยำและลดความเสียหายต่อวัสดุโดยรอบ
- ด้ามจับหุ้มยาง (Rubber Grip Handle): เพิ่มความสบายในการใช้งาน ลดความเมื่อยล้า ด้ามจับที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมช่วยให้สามารถจับได้มั่นคง ลดแรงกระแทกที่มือและข้อมือขณะใช้งาน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อต้องใช้แรงงัดที่มาก นอกจากนี้ การหุ้มยางยังช่วยป้องกันการลื่นหลุดจากมือ แม้ในสภาพแวดล้อมที่เปียกหรือมีน้ำมัน ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
- โครงสร้างเสริมแรง (Reinforced Body): ช่วยให้ชะแลงทนแรงดึงและแรงกระแทกได้ดีขึ้น โดยการออกแบบให้มีความหนาแน่นและแข็งแกร่งมากขึ้น โครงสร้างเสริมแรงมักใช้โลหะผสมที่มีความทนทานสูงเพื่อให้สามารถรับน้ำหนักและแรงกระแทกจากการใช้งานหนักในงานก่อสร้างและรื้อถอน นอกจากนี้ การออกแบบให้มีรอยหยักหรือพื้นผิวกันลื่นยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจับวัสดุและลดการลื่นไถลของเครื่องมือ ทำให้การใช้งานมีความปลอดภัยมากขึ้นและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
วิธีการเลือก ชะแลง ให้เหมาะกับงาน
ขนาดของ ชะแลง
- ขนาดเล็ก (12-18 นิ้ว): ใช้สำหรับงานเบา เช่น การถอนตะปู การงัดแยกชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ หรือการแกะไม้กระดานที่มีการติดแน่นเล็กน้อย เหมาะสำหรับช่างซ่อมแซมบ้าน งาน DIY และงานที่ต้องการความคล่องตัวสูงในการใช้งาน
- ขนาดกลาง (24-36 นิ้ว): ใช้สำหรับงานทั่วไป เช่น การรื้อพื้นไม้ การงัดโครงสร้างเบื้องต้น หรือการถอดชิ้นส่วนที่มีการยึดแน่นระดับปานกลาง เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้แรงพอสมควรแต่ยังต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายเครื่องมือ
- ขนาดใหญ่ (42-48 นิ้ว): ใช้สำหรับงานหนัก เช่น การงัดโครงสร้างคอนกรีต การยกและเคลื่อนย้ายวัสดุที่มีน้ำหนักมาก หรือการรื้อถอนอาคารเก่าที่ต้องใช้แรงงัดสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้กำลังมากและต้องการเครื่องมือที่ทนทานต่อแรงกดสูง เพื่อช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
น้ำหนักของ ชะแลง
ชะแลง ที่หนักมักให้แรงงัดที่ดีขึ้น ช่วยให้งานรื้อถอนและงัดแงะทำได้ง่ายขึ้นโดยใช้แรงน้อยลง อย่างไรก็ตาม หากน้ำหนักมากเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความเมื่อยล้าและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ดังนั้นควรเลือกน้ำหนักของชะแลงให้เหมาะสมกับกำลังของผู้ใช้และประเภทของงาน เช่น งานเบาอาจใช้ชะแลง ที่มีน้ำหนักเบาเพื่อลดภาระการทำงาน ขณะที่งานหนักควรใช้ ชะแลง ที่มีน้ำหนักมากขึ้นเพื่อเพิ่มแรงงัดและลดเวลาในการทำงาน
รูปทรงและดีไซน์ของ ชะแลง
หากต้องการ ชะแลง ที่ใช้งานได้หลายรูปแบบ ควรเลือก ชะแลง ที่มีปลายทั้งสองด้านที่แตกต่างกัน เช่น ปลายหนึ่งเป็นง่ามสำหรับถอนตะปู อีกปลายเป็นแหลมสำหรับงัด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องสลับเครื่องมือบ่อย ๆ นอกจากนี้ บางรุ่นอาจมีการเสริมพื้นผิวกันลื่นหรือเคลือบสารป้องกันสนิมเพื่อเพิ่มความทนทานและลดความเสี่ยงต่อการสึกหรอจากการใช้งานหนัก
สรุป
ชะแลง เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในงานก่อสร้าง เนื่องจากสามารถใช้ได้ทั้งในการรื้อถอน งัดแงะ ติดตั้ง และช่วยเพิ่มแรงกดดันในการทำงาน การเลือกชะแลงที่เหมาะสมและดูแลรักษาให้ดี จะช่วยให้ช่างมืออาชีพสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย