มาดูวิธีเลือก โซ่เลื่อยยนต์ ให้เหมาะกับเลื่อยยนต์ของคุณ

โซ่เลื่อยยนต์ MILWAUKEE 49-16-2732 ขนาด 6 นิ้ว สำหรับรุ่น M12 FHS

728 บาท

โซ่เลื่อยโซ่ WASABI สำหรับเลื่อยยนต์ WAB CS52G

230 บาท

โซ่ 6 นิ้ว MAKITA 80TXL สำหรับเลื่อยโซ่ไร้สาย 6 นิ้ว DUC150Z และ DUC150SF

490 บาท

โซ่เลื่อยยนต์ STIHL ขนาด 16 นิ้ว รุ่น ST-16

620 บาท

โซ่สำหรับหัวต่อ DUX60 MAKITA 196142-7

630 บาท

โซ่ 10 นิ้ว MAKITA 196205-9 สำหรับเลื่อยโซ่

730 บาท

โซ่เลื่อยยนต์ ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเลื่อยยนต์เลยก็ว่าได้ ความคมของโซ่ส่งผลต่อความเร็วของการตัด รวมถึงความปลอดภัยของคุณเวลาใช้งานอีกด้วย การเลือก โซ่เลื่อยยนต์ ที่เหมาะสมกับ เลื่อยยนต์ ของคุณไม่เพียงช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย ในบทความนี้ผมจะบอกเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญในการเลือก โซ่เลื่อยยนต์ พร้อมคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คุณสามารถเลือกโซ่ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด

ประเภทของ โซ่เลื่อยยนต์

โซ่เลื่อยยนต์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่มีบทบาทอย่างมากในการตัดไม้ โดยทั่วไปแล้ว โซ่เลื่อยยนต์ มีการออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็ง หรือวัสดุพิเศษอย่างพลาสติกและโลหะบางชนิด เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้โซ่ที่เหมาะสมได้มากที่สุด โซ่เลื่อยยนต์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักดังนี้:

• โซ่แบบมาตรฐาน (Standard Chain) - เป็น โซ่เลื่อยยนต์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย เหมาะสำหรับงานตัดไม้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นไม้เนื้ออ่อน หรือไม้เนื้อแข็ง โซ่ชนิดนี้มีฟันตัดแบบธรรมดา ซึ่งออกแบบมาให้สามารถตัดไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากนี้เองนะครับ ยังเป็นโซ่ที่ดูแลรักษาและลับคมได้ง่ายอีกด้วย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทั้งมือใหม่ และมืออาชีพที่ต้องการใช้งานในงานทั่วไปนั่นเอง
• โซ่แบบคาร์ไบด์ (Carbide Chain) - โซ่เลื่อยยนต์ ประเภทนี้มีความแข็งแรง และทนทานสูงกว่าปกติ เนื่องจากฟันของโซ่ถูกเคลือบหรือผลิตจากคาร์ไบด์ที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งกว่าฟันตัดแบบปกติ ทำให้สามารถทนทานต่อการสึกหรอ และแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน เช่น การตัดไม้แข็ง ไม้ที่มีตะปูฝังอยู่ หรือวัสดุที่มีความแข็งแรงมาก โซ่ประเภทนี้ยังช่วยลดความถี่ในการลับคมและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าปกติ แม้ว่าจะมีต้นทุนสูงกว่า แต่ก็คุ้มค่ากับการใช้งานที่ต้องการความทนทานและประสิทธิภาพสูง
• โซ่แบบ Low-Kickback - ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อลดแรงสะบัดที่เกิดขึ้นขณะใช้งานเลื่อยยนต์ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก โซ่ประเภทนี้มักมีการออกแบบฟันตัดที่ช่วยควบคุมแรงกระแทก และลดโอกาสที่เลื่อยยนต์จะสะบัดกลับมาหาผู้ใช้งาน เหมาะสำหรับงานตัดไม้ทั่วไป และการใช้งานในบ้านหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการใช้งาน

ส่วนประกอบของ โซ่เลื่อยยนต์

โซ่เลื่อยยนต์ประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักที่ต้องพิจารณาเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องเลื่อยยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การเข้าใจแต่ละส่วนของโซ่เลื่อยยนต์จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้โซ่ที่เหมาะสม และบำรุงรักษาได้อย่างถูกต้อง

• ฟันตัด (Cutting Teeth) - ส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่หลักในการตัดไม้ ฟันตัดของโซ่เลื่อยยนต์มีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น Semi-Chisel ที่มีขอบโค้งมน ทำให้สามารถใช้งานได้นานกว่าและมีความทนทานสูง เหมาะสำหรับงานตัดทั่วไป และ Full-Chisel ที่มีขอบคมเป็นมุมฉาก ช่วยให้ตัดได้เร็วขึ้นแต่ต้องลับคมบ่อยกว่า นอกจากนี้ยังมีฟันตัดแบบ Micro-Chisel ที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความเร็วและความทนทาน ฟันตัดแต่ละแบบถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับงานที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
• ข้อต่อ (Drive Links) - เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างฟันตัด และมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้โซ่เคลื่อนที่ไปตามบาร์เลื่อยได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ ข้อต่อเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้พอดีกับร่องบาร์เลื่อยเพื่อให้เกิดการส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การเลือกข้อต่อที่เหมาะสมกับเครื่องเลื่อยยนต์ของคุณจะช่วยลดการสึกหรอของโซ่ เพิ่มความปลอดภัย และช่วยให้เครื่องเลื่อยยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• ข้อต่อขับเคลื่อน (Drive Sprocket) - เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังโซ่เลื่อยยนต์โดยตรง ข้อต่อขับเคลื่อนนี้มีฟันเฟืองที่ออกแบบมาเพื่อให้โซ่เลื่อนผ่านได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การเลือกข้อต่อขับเคลื่อนที่เหมาะสมกับโซ่และบาร์เลื่อยจะช่วยลดการสึกหรอของโซ่และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบและบำรุงรักษาข้อต่อขับเคลื่อนเป็นประจำเพื่อให้เครื่องเลื่อยยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เลือก โซ่เลื่อยยนต์ ตามความหนาของข้อต่อขับเคลื่อน

เกจเป็นค่าที่กำหนดความหนาของข้อต่อ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำให้ โซ่เลื่อยยนต์ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความหนาของข้อต่อขับเคลื่อนต้องตรงกับร่องของบาร์เลื่อย เพื่อให้โซ่เคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ลดการเสียดสี และช่วยให้กำลังเครื่องเลื่อยยนต์ถูกถ่ายทอดไปยังโซ่ได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกขนาด เกจที่เหมาะสมยังช่วยลดการสึกหรอของบาร์เลื่อย และโซ่ ทำให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นและมีความปลอดภัยสูงขึ้น โดยทั่วไปมีขนาดตามด้านล่างนี้

• 0.043 นิ้ว
• 0.050 นิ้ว
• 0.058 นิ้ว
• 0.063 นิ้ว

วิธีบำรุงรักษา โซ่เลื่อยยนต์

ลับคม โซ่เลื่อยยนต์ อย่างไรให้ถูกต้อง

การลับคมโซ่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ เลื่อยยนต์ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ฟันของโซ่ที่คมจะช่วยให้การตัดไม้ทำได้ง่ายขึ้น ลดแรงเสียดทาน และลดโอกาสที่เลื่อยยนต์จะเกิดแรงสะบัดขณะใช้งาน ควรใช้ตะไบลับฟันที่เหมาะสมกับประเภทของโซ่ และรักษามุมลับคมให้อยู่ในช่วงที่ถูกต้อง โดยทั่วไปมุมของฟันตัดควรอยู่ที่ 25-35 องศา ทั้งนี้ การลับคมโซ่ควรทำเป็นประจำหรือทุกครั้งที่รู้สึกว่าเลื่อยยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือช่วยลับคมที่มีมาตรวัดองศาจะช่วยให้การลับคมทำได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอมากขึ้น

การปรับตั้งความตึงของโซ่

โซ่เลื่อยยนต์ ต้องมีความตึงที่พอดี ไม่แน่นหรือหย่อนเกินไป เพราะความตึงของโซ่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการตัด และความปลอดภัยในการใช้งาน หากโซ่แน่นเกินไป อาจทำให้เกิดแรงเสียดทานสูง ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและลดอายุการใช้งานของบาร์เลื่อย แต่หากโซ่หย่อนเกินไป อาจหลุดออกจากบาร์เลื่อยและก่อให้เกิดอันตรายได้ เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบ และปรับความตึงของโซ่ก่อนการใช้งานทุกครั้ง โดยดึงโซ่ขึ้นเบาๆ แล้วตรวจสอบว่าฟันโซ่ยังคงอยู่ในร่องของบาร์เลื่อย และสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น

การใช้น้ำมันหล่อลื่นโซ่

น้ำมันหล่อลื่นเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างโซ่ และบาร์เลื่อยยนต์ ทำให้โซ่เคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ลดการสึกหรอ และช่วยยืดอายุการใช้งานของโซ่ให้ยาวนานขึ้น ควรเลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องเลื่อยยนต์ของคุณ โดยน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพดีจะช่วยป้องกันการเกิดความร้อนสะสมและลดความเสี่ยงที่โซ่จะขาดหรือชำรุดขณะใช้งาน นอกจากนี้ ควรเติมน้ำมันหล่อลื่นอย่างสม่ำเสมอและตรวจสอบระบบจ่ายน้ำมันของเครื่องเลื่อยยนต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การตัดไม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

สรุป

การเลือก โซ่เลื่อยยนต์ ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เครื่องเลื่อยยนต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย คุณควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดของบาร์เลื่อย พิตช์ของโซ่ ความหนาของข้อต่อขับเคลื่อน และประเภทของฟันตัด รวมถึงการบำรุงรักษาโซ่อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น หากเลือกโซ่ที่เหมาะสม คุณจะสามารถทำงานตัดไม้ได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด

เลือก โซ่เลื่อยยนต์ ให้เหมาะกับงาน