เครื่องตัดพลาสม่า อะไรตัดได้ - ตัดไม่ได้ ? พร้อมเหตุผลที่ควรรู้

Customers Also Purchased

เมื่อพูดถึงการตัดโลหะ หลาย ๆ คนอาจนึกถึงเครื่องมือประเภทตัดแบบกล เช่นเลื่อย เครื่องเจียร หรือ เครื่องตัดเหล็ก โดยใช้ใบตัดเชิงกลที่มีประสิทธิภาพ แต่หากพูดถึงการตัดโลหะที่เฉพาะทางมากขึ้นก็ยังมีอีกอุปกรณ์หนึ่งที่เหมาะสมกับโลหะโดยตรง และเป็นการตัดโดยใช้พลังงานความร้อนถึงหลายหมื่นองศาที่เรียกว่า พลาสม่า

เครื่องตัดพลาสม่า มีลักษณะคล้ายกับตู้เชื่อม เป็นเครื่องมือที่มีความอเนกประสงค์ และทรงพลังอย่างยิ่ง สำหรับการตัดโลหะและวัสดุที่เป็นตัวนำไฟฟ้า โดยการทำงานของตัดพลาสม่านั้นได้รับการออกแบบให้สามารถตัดวัสดุต่าง ๆ ได้ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในงานอุตสาหกรรม งานโครงสร้าง งานซ่อมบำรุง งาน DIY และงานศิลปะ

เครื่องตัดพลาสม่า สามารถตัดโลหะได้ครอบคลุมหลากหลายประเภท พร้อมทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้การตัดเป็นไปอย่างราบรื่น การใช้งานเครื่องตัดพลาสม่าจึงตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งานทั่วไป และผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพต่าง ๆ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักการใช้เครื่องตัดพลาสม่าในการตัดวัสดุที่ถูกต้อง พร้อมอธิบายเหตุผล และกลไกของเครื่องตัดชนิดนี้

1. วัสดุโลหะนำไฟฟ้า

เครื่องตัดพลาสม่าสามารถตัดโลหะนำไฟฟ้าได้เกือบทุกชนิด เนื่องจากกระบวนการทำงานของเครื่องตัดพลาสม่าใช้กระแสไฟฟ้าสูงส่งผ่านแก๊สเฉื่อยหรือแก๊สอัดที่ถูกปล่อยออกมาผ่านหัวตัด ด้วยกระแสไฟฟ้าทำให้เกิดสถานะพลาสม่าที่มีอุณหภูมิสูงมากถึงหลายหมื่นองศาเซลเซียส พลาสม่านี้มีความสามารถในการหลอม และตัดโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ความเป็นตัวนำไฟฟ้าของโลหะช่วยให้พลาสม่าสามารถไหลผ่านวัสดุได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การตัดมีความแม่นยำ และเรียบเนียน นอกจากนี้ ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้โลหะบริเวณแนวตัดละลาย และหลุดออกจากแนวตัดโดยไม่มีความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ 

เครื่องตัดพลาสม่า อะไรตัดได้  ตัดไม่ได้  พร้อมเหตุผลที่ควรรู้

  • เหล็ก (Steel): เหล็กกล้า, เหล็กคาร์บอน, และเหล็กกล้าเคลือบสี เช่น เหล็กเคลือบกันสนิม เหมาะสำหรับงานโครงสร้าง งานซ่อมบำรุง และงานผลิตทั่วไป
  • สแตนเลส (Stainless Steel): ใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรง และความทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น งานครัว อุตสาหกรรมอาหาร และงานตกแต่ง สามารถตัดได้อย่างสะอาดและเรียบเนียน
  • อลูมิเนียม (Aluminium): นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการบิน และงานโครงสร้างเบา การตัดอลูมิเนียมด้วยพลาสม่ามีความแม่นยำสูง ทั้งในชิ้นงานที่บางและหนา
  • ทองแดง (Copper): เป็นโลหะที่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าสูง ใช้ในงานระบบไฟฟ้า และงานประดับ เครื่องตัดพลาสม่าสามารถตัดทองแดงได้ดีเยี่ยมแม้มีความหนาสูง
  • ทองเหลือง (Brass): เหมาะสำหรับงานตกแต่ง งานศิลปะ และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น การผลิตอุปกรณ์ที่ต้องการความสวยงาม และความทนทาน
  • ไทเทเนียม (Titanium): โลหะที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความทนสูง ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน การแพทย์ และงานที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษ เช่น ความทนทานต่อการกัดกร่อน

2. วัสดุโลหะผสม (Alloy Metals)

เครื่องตัดพลาสม่าสามารถตัดโลหะผสมที่มีส่วนประกอบของวัสดุต่างๆ ได้ดีเนื่องจากโลหะผสมมักประกอบด้วยโลหะหลายชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น สแตนเลสที่มีส่วนประกอบของเหล็กและโครเมียม หรืออลูมิเนียมผสมที่เพิ่มความแข็งแรงด้วยวัสดุอื่น เช่น แมกนีเซียม การนำไฟฟ้าของโลหะผสมช่วยให้พลาสม่าที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้แนวตัดมีความเรียบเนียนและแม่นยำ อีกทั้งกระบวนการทำงานของพลาสม่าที่มีอุณหภูมิสูงสามารถหลอม และเจาะผ่านส่วนประกอบต่าง ๆ ของโลหะผสมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในวัสดุที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น โลหะผสมที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน และยานยนต์ ซึ่งต้องการทั้งความแข็งแรง และน้ำหนักเบา นอกจากนี้ โลหะผสมบางชนิดยังมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการกัดกร่อน หรือความร้อนสูง ทำให้เครื่องตัดพลาสม่ายังคงทำงานได้ดีโดยไม่ทำให้วัสดุเสียหายมากเกินไป จุดเด่นนี้ทำให้เครื่องตัดพลาสม่าถูกเลือกใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง และมีวัสดุหลากหลายประเภทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น:

  • โลหะผสมสแตนเลสและอลูมิเนียม ที่นิยมในอุตสาหกรรมยานยนต์ และการผลิตเครื่องมือที่ต้องการความแข็งแรงและน้ำหนักเบา
  • โลหะผสมเฉพาะทางในอุตสาหกรรมการแพทย์ อิเล็กทรอนิกส์ และการบิน ที่ต้องการความแม่นยำสูงและคุณสมบัติเฉพาะตัว

เครื่องตัดพลาสม่า อะไรตัดได้  ตัดไม่ได้  พร้อมเหตุผลที่ควรรู้

3. วัสดุที่มีสนิม หรือเคลือบสี

เปลวไฟพลาสม่ามีพลังงานสูง ทำให้สามารถตัดวัสดุที่มีสนิมหรือเคลือบสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการนี้เกิดจากอุณหภูมิที่สูงของพลาสม่าซึ่งสามารถหลอม และขจัดชั้นผิวที่เป็นสนิมหรือสารเคลือบได้อย่างรวดเร็ว ความร้อน และแรงดันจากพลาสม่าช่วยทำให้ชั้นผิวไม่พึงประสงค์เหล่านี้ระเหยหรือหลุดออกจากแนวตัดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นของชิ้นงาน คุณสมบัติในการเจาะทะลุของพลาสม่ายังช่วยให้การตัดวัสดุที่ผ่านการพ่นสี หรือมีคราบสนิมหนาสามารถทำได้อย่างสะอาดและรวดเร็ว เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมวัสดุที่ใช้งานมานานหรือวัสดุรีไซเคิล เช่น เหล็กเคลือบกันสนิมหรือเหล็กโครงสร้างที่เสื่อมสภาพ วัสดุที่มีสนิมหรือเคลือบสีที่มักใช้เครื่องตัดพลาสม่าในการตัดมีหลายประเภท เช่น:

  • เหล็กเคลือบกันสนิม (Galvanized Steel): เป็นเหล็กที่ผ่านการเคลือบสังกะสีเพื่อป้องกันสนิม ใช้ในงานก่อสร้าง และอุตสาหกรรมยานยนต์
  • เหล็กโครงสร้างที่เสื่อมสภาพ: เหล็กที่ใช้งานในโครงสร้างอาคารหรือสะพานซึ่งมักจะมีสนิมเกาะ
  • เหล็กพ่นสี (Painted Steel): ชิ้นส่วนโลหะที่ผ่านการพ่นสีเพื่อความสวยงาม หรือป้องกันการกัดกร่อน เช่น แผ่นเหล็กสำหรับอุปกรณ์ในอุตสาหกรรม
  • เหล็กรีไซเคิล: โลหะเก่าที่นำกลับมาใช้งานใหม่ มักมีคราบสนิมและเศษสิ่งสกปรกติดอยู่
  • วัสดุที่ผ่านการเคลือบ (Coated Metals): เช่น อลูมิเนียมเคลือบผิวด้วยสีหรือสารป้องกันการกัดกร่อน

4. วัสดุที่มีความหนาต่างกัน

วัสดุที่มีความหนาต่างกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเลือกใช้เครื่องตัดพลาสม่า และยังท้าทายความสามารถของเครื่องมือในด้านการตัดที่มีความแม่นยำ และประสิทธิภาพสูง ดังนั้นเครื่องตัดพลาสม่าถูกออกแบบให้รองรับการตัดวัสดุทั้งบางและหนา เพื่อครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย:

  • โลหะบาง (Thin Sheets): วัสดุที่มีความบาง เช่น แผ่นสังกะสี แผ่นอลูมิเนียม หรือแผ่นสแตนเลสบาง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ขนาดเล็ก งานศิลปะ และงานที่ต้องการการตัดที่เน้นความแม่นยำ เครื่องตัดพลาสม่าสามารถทำให้แนวตัดเรียบ และลดความเสียหายของชิ้นงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในวัสดุที่มีความบางเพียงไม่กี่มิลลิเมตร
  • โลหะหนา (Thick Plates): สำหรับวัสดุที่มีความหนาสูง เช่น แผ่นเหล็กกล้าหนา หรือแผ่นโลหะที่ใช้ในโครงสร้างอุตสาหกรรม การใช้เครื่องตัดพลาสม่าที่มีกำลังไฟสูง เช่น 40A 60A หรือ 100A ช่วยให้สามารถตัดได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ พลาสม่าที่มีอุณหภูมิสูงช่วยละลายโลหะในแนวตัดได้อย่างราบรื่น และสามารถเจาะทะลุผ่านวัสดุหนาได้โดยไม่กระทบต่อส่วนอื่นของชิ้นงาน

การเลือกใช้เครื่องตัดพลาสม่าสำหรับวัสดุที่มีความหนาต่างกันจึงต้องพิจารณาทั้งกำลังไฟและความเหมาะสมของหัวตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแต่ละลักษณะงาน

5. วัสดุที่เครื่องตัดพลาสม่าตัดไม่ได้

โดยทั่วไป วัสดุที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าจะไม่สามารถนำมาตัดด้วยเครื่องตัดพลาสม่าได้ เนื่องจากการทำงานของเครื่องตัดพลาสม่าขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่สร้างสถานะพลาสม่าเพื่อเจาะ และหลอมวัสดุ หากวัสดุไม่สามารถนำไฟฟ้าได้ กระแสไฟจะไม่สามารถผ่านไปยังชิ้นงานได้ ทำให้พลาสม่าไม่สามารถสร้างพลังงานที่เพียงพอสำหรับการตัด อีกทั้งวัสดุเหล่านี้มักจะได้รับความเสียหายจากความร้อนที่เกิดขึ้นในกระบวนการ เช่น การหลอมละลาย หรือแตกหัก จึงไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานเครื่องตัดพลาสม่า

เครื่องตัดพลาสม่ามีข้อจำกัดในการตัดโลหะบางประเภท เช่น โลหะที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า เช่น โลหะออกไซด์หนา หรือ วัสดุเคลือบฉนวนไฟฟ้า โลหะที่มีจุดหลอมเหลวสูงมากอย่างทังสเตน รวมถึงโลหะที่มีชั้นสนิมหรือสิ่งปนเปื้อนหนาเกินไป แม้ว่าพลาสม่าจะสามารถตัดโลหะส่วนใหญ่ได้อย่างประสิทธิภาพ แต่สำหรับวัสดุเฉพาะทางเหล่านี้ อาจต้องใช้วิธีอื่นในการตัด เช่น การตัดด้วยเลเซอร์ หรือการตัดด้วยแรงน้ำ (Water Jet Cutting) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในงานที่ซับซ้อนหรือท้าทายเหล่านี้

เครื่องตัดพลาสม่า อะไรตัดได้  ตัดไม่ได้  พร้อมเหตุผลที่ควรรู้

สรุป

เครื่องตัดพลาสม่าสามารถตัดวัสดุโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้าได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก สแตนเลส อลูมิเนียม ทองแดง ทองเหลือง หรือไทเทเนียม ทั้งยังสามารถตัดผ่านวัสดุที่มีสนิมหรือเคลือบสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่เหมาะกับวัสดุที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น พลาสติกหรือไม้ ด้วยความสามารถและความแม่นยำที่สูง เครื่องตัดพลาสม่าจึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่งาน DIY ไปจนถึงงานอุตสาหกรรมหนัก 

เลือก เครื่องตัดพลาสม่า เพิ่มเติม