มาดูวิธีคำนวณขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมกับสระของคุณกัน!

Customers Also Purchased

ในการเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบการกรองน้ำในสระว่ายน้ำของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ช่วยให้น้ำในสระสะอาดใสเท่านั้นนะครับ แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ค่าซ่อมบำรุง เป็นต้น ถ้าหากว่า ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่เลือกมีขนาดไม่เหมาะสมแล้วล่ะก็ อาจจะทำให้เกิดปัญหามากมาย เช่น น้ำไม่สะอาด การสะสมของสิ่งสกปรก ค่าไฟฟ้าสูงเกินไป หรือการสึกหรอของอุปกรณ์ที่เร็วขึ้น การเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่เหมาะสมจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพื่อช่วยคุณตัดสินใจอย่างถูกต้อง เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีคำนวณขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่เหมาะสมและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ หากพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันได้เลย

รู้จักกับปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำของคุณซ่ะก่อน

อย่างแรกเลยนะครับ คุณต้องรู้ปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำของคุณซ่ะก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่เหมาะสม การคำนวณปริมาณน้ำสามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้สูตรต่อไปนี้ตามรูปร่างของสระว่ายน้ำ และอย่าลืมคำนึงถึงความลึกที่แตกต่างกันในกรณีที่สระของคุณมีความลาดเอียง นอกจากนี้ หากสระของคุณมีอุปกรณ์เสริม เช่น น้ำตกหรือระบบไหลเวียนพิเศษ คุณอาจต้องเพิ่มปริมาตรน้ำส่วนนี้ในการคำนวณด้วย เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำและสอดคล้องกับการใช้งานจริงนั่นเอง

เพื่อความถูกต้อง ควรวัดขนาดสระอย่างละเอียดนะครับ โดยเฉพาะในกรณีที่สระมีรูปร่างซับซ้อน เช่น สระว่ายน้ำที่เป็นรูปโค้ง หรือมีความลึกหลายระดับ การคำนวณปริมาตรในกรณีนี้ควรแบ่งสระออกเป็นส่วนๆ และคำนวณทีละส่วนก่อนรวมกัน เช่น แยกคำนวณพื้นที่ที่ตื้น และลึกต่างกัน สำหรับสระน้ำที่มีน้ำตก น้ำพุ หรือระบบพ่นน้ำ คุณอาจต้องบวกเพิ่มปริมาณน้ำในระบบเพิ่มเติม โดยปกติสามารถเพิ่มประมาณ 5-10% ของปริมาตรน้ำทั้งหมด เพื่อให้ ปั๊มสระว่ายน้ำ สามารถรองรับการไหลเวียนของน้ำในระบบเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ก่อนอื่น คุณต้องรู้ปริมาณน้ำในสระของคุณ ซึ่งสามารถคำนวณได้โดยใช้สูตรต่าง ๆ ตามรูปร่างของสระว่ายน้ำ

  • สระว่ายน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำหนดพื้นที่ผิวของสระ (ยาว x กว้าง) คูณด้วยความลึกของสระ จากนั้นคูณด้วย 7.5 เพื่อคำนวณปริมาตรเป็นแกลลอน ยาว x กว้าง x ลึก x 7.5 = ปริมาตร (แกลลอน)
  • สระว่ายน้ำรูปทรงกลมสำหรับสระทรงกลม คุณต้องเริ่มต้นด้วยการหาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเต็มของสระ หารเส้นผ่านศูนย์กลางนั้นด้วย 2 เพื่อให้ได้รัศมีของสระ หลังจากที่ได้รัศมี และความลึกแล้ว ให้ใส่ค่าเหล่านั้นลงในสูตร 3.14 × รัศมี2 × ลึก × 7.5 = ปริมาตร (แกลลอน)

มาดูวิธีคำนวณขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมกับสระของคุณกัน

คำนวณอัตราการไหลของ ปั๊มสระว่ายน้ำ (Flow Rate)

อัตราการไหลของ ปั๊มสระว่ายน้ำ (Flow Rate) หมายถึงปริมาณน้ำที่ ปั๊มสระว่ายน้ำ สามารถสูบได้ในระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปแล้วนะครับ ควรให้ ปั๊มสระว่ายน้ำ สามารถหมุนน้ำในสระว่ายน้ำทั้งหมดได้ใน 8 ชั่วโมง เพื่อรักษาความสะอาด และสมดุลของน้ำในระบบ เพราะฉะนั้นคุณสามารถคำนวณอัตราการไหลที่ต้องการได้จากสูตร:

ตัวอย่าง : สระว่ายน้ำ ที่มีปริมาตร 75,000 ลิตร และต้องการหมุนเวียนน้ำภายใน 8 ชั่วโมง ลิตร/ชั่วโมง

ในกรณีที่ต้องการการกรองน้ำที่รวดเร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สำหรับสระที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก อาจพิจารณาใช้เวลาในการหมุนเวียนสั้นลง เช่น 6 ชั่วโมง เพื่อให้การกรองน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และนอกจากนี้เอง การเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่มีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้เกิดการสูญเสียพลังงาน ดังนั้นการเลือกปั๊มสระว่ายน้ำที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ดี

นอกจากนี้ คุณควรคำนึงถึงการไหลเวียนเพิ่มเติมที่อาจจำเป็นสำหรับอุปกรณ์เสริม เช่น ระบบน้ำตกหรือพ่นน้ำ ซึ่งต้องการอัตราการไหลเพิ่มเติมประมาณ 10-15% จากที่คำนวณไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทั้งหมดทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด อัตราการไหลคือปริมาณน้ำที่ ปั๊มสระว่ายน้ำ สามารถหมุนเวียนในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปแล้ว ระบบควรหมุนเวียนน้ำทั้งหมดในสระได้ภายใน 8 ชั่วโมง มาตรฐานทั่วไปนั่นเอง

สูตรการคำนวณ

อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) = ปริมาตรน้ำในสระว่ายน้ำ (ลิตร) ÷ ระยะเวลาการหมุนเวียน (ชั่วโมง) อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) = ปริมาตรน้ำในสระ (ลิตร) \div ระยะเวลาการหมุนเวียน (ชั่วโมง) อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) = ปริมาตรน้ำในสระว่ายน้ำ (ลิตร) ÷ ระยะเวลาการหมุนเวียน (ชั่วโมง)

ขั้นตอนการคำนวณ

Q = อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง หรือ ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง)
V = ปริมาตรของสระว่ายน้ำ (ลิตร หรือ ลูกบาศก์เมตร)
T = เวลาในการหมุนเวียนน้ำ 1 รอบ (ชั่วโมง)

คำนวณปริมาตรสระว่ายน้ำ (V)

V = ความยาว×ความกว้าง×ความลึกเฉลี่ย หากปริมาตรคิดเป็นลูกบาศก์เมตร ให้คูณด้วย 1,000 เพื่อแปลงเป็นลิตร (1 ลูกบาศก์เมตร = 1,000 ลิตร)

กำหนด เวลาในการหมุนเวียนน้ำ (T)
  • โดยทั่วไป เวลาในการหมุนเวียนน้ำของสระว่ายน้ำจะแนะนำดังนี้:
  • สระว่ายน้ำทั่วไป 6-8 ชั่วโมง
  • สระสำหรับเด็ก 2-4 ชั่วโมง
  • สระในโรงแรม/สาธารณะ 4-6 ชั่วโมง

คำนวณ Flow Rate (Q)

นำค่าปริมาตรของสระ (V) หารด้วย เวลาในการหมุนเวียนน้ำ (T)

มาดูวิธีคำนวณขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมกับสระของคุณกัน

มาดูวิธีคำนวณขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมกับสระของคุณกัน

พิจารณาปัจจัยอื่นๆ

นอกจากอัตราการไหลแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ระบบสระว่ายน้ำของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

  • แรงเสียดทานในระบบท่อ - หากสระว่ายน้ำมีระบบท่อที่ยาวหรือโค้งมาก จะทำให้เกิดแรงต้านการไหลของน้ำ คุณอาจต้องเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่มีกำลังแรงเพิ่มขึ้นหรือพิจารณาใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อลดแรงเสียดทาน
  • ประเภทตัวกรอง - ตัวกรองแต่ละประเภท เช่น ทราย เซรามิก หรือกระดาษ มีข้อกำหนดแรงดันน้ำที่แตกต่างกัน ตัวกรองทรายมักต้องการแรงดันสูงกว่า ในขณะที่ตัวกรองเซรามิกมีข้อดีในเรื่องของการกรองที่ละเอียดกว่าแต่ต้องการบำรุงรักษามากขึ้น
  • ระยะห่างระหว่างปั๊มและสระว่ายน้ำ - ระยะห่างมีผลต่อประสิทธิภาพของ ปั๊มสระว่ายน้ำ หากปั๊มตั้งอยู่ไกลจากสระว่ายน้ำ คุณอาจต้องเพิ่มกำลังของปั๊มหรือใช้ท่อที่ลดแรงเสียดทานเพื่อชดเชยการสูญเสียแรงดัน
  • สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม - หากสระของคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีลมแรง ฝุ่นละออง หรือต้นไม้เยอะ ควรเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่มีความสามารถในการหมุนน้ำได้บ่อยขึ้น เพื่อรักษาความสะอาดของน้ำ นอกจากนี้ อาจต้องใช้อุปกรณ์กรองเสริม เพื่อป้องกันเศษใบไม้หรือฝุ่นเข้าสู่ระบบ
  • อุณหภูมิของน้ำ - หากสระว่ายน้ำของคุณมีระบบทำความร้อน น้ำอุ่นอาจมีผลต่อความหนืดและการไหลของน้ำ คุณอาจต้องเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงขึ้น
  • การใช้งานเพิ่มเติม - หากสระว่ายน้ำมีฟีเจอร์เสริม เช่น น้ำตก น้ำพุ หรือระบบสปา อาจต้องเพิ่มปั๊มหรือเลือกปั๊มที่รองรับการไหลเวียนเพิ่มเติมเหล่านี้ เพื่อให้สามารถใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

มาดูวิธีคำนวณขนาด ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะสมกับสระของคุณกัน

เลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อรู้ถึงอัตราการไหล และข้อกำหนดของระบบสระว่ายน้ำเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ที่มีขนาดเหมาะสม โดยดูจากสเปกของปั๊มน้ำที่ระบุไว้ เช่น อัตราการไหล (ลิตร/ชั่วโมง) และกำลังวัตต์ (Watt) สิ่งสำคัญคือต้องเลือกปั๊มที่สอดคล้องกับขนาดสระและระบบกรองที่ใช้งานอยู่ นอกจากนี้ควรพิจารณาเลือกปั๊มที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูง (Energy Efficient) เพื่อลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือการใช้ปั๊มที่มีตัวควบคุมความเร็ว (Variable Speed Pump) ซึ่งสามารถปรับอัตราการไหลได้ตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา เช่น ช่วงกลางวันที่มีการใช้งานมาก อาจใช้ความเร็วสูงเพื่อให้ระบบกรองทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ในช่วงกลางคืนหรือเวลาที่สระไม่มีผู้ใช้งาน สามารถลดความเร็วลงเพื่อประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ ระบบควบคุมความเร็วช่วยลดการสึกหรอของปั๊มและยืดอายุการใช้งานในระยะยาวอีกด้วย

ในบางกรณี หากคุณมีสระที่มีระบบพิเศษ เช่น น้ำพุ น้ำตก หรือสปา คุณอาจต้องการปั๊มที่รองรับการทำงานพร้อมกันของหลายระบบ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณเลือกปั๊มที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างดีที่สุด และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในอนาคต


เลือก ปั๊มสระว่ายน้ำ ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ