Customers Also Purchased
รู้หรือไม่ว่าการเลือกหมวกนิรภัยที่ถูกต้องกับงานสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในการทำงานได้อย่างมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างไฟฟ้า, วิศวกร, หรือทำงานในสถานที่ก่อสร้าง หมวกนิรภัยถือเป็นอุปกรณ์ป้องกันจำเป็น ที่ไม่ควรมองข้าม
หากคุณกำลังมองหาหมวกนิรภัยที่เหมาะกับงานของคุณ แต่ยังรู้สึกสับสนกับประเภทของหมวก ผู้เขียนจะมาแนะนำหมวกนิรภัยประเภทต่างๆ พร้อมอธิบายคุณสมบัติ โดยคุณจะสามารถเลือกหมวกที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน มาทำความรู้จักกับหมวกนิรภัยประเภทต่างๆ กันได้เลยครับ
จุดประสงค์บทความ
ในบทความนี้ คุณจะได้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของหมวกนิรภัยที่มีในท้องตลาดว่ามีอะไรบ้าง วิธีการเลือกหมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับงาน และข้อควรระวังในการใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อหมวกนิรภัยได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากที่สุด
หัวข้อหลักในบทความ
1. ทำความรู้จักกับ หมวกนิรภัย เบื้องต้น
2. ความสำคัญของ หมวกนิรภัย ในการทำงาน
3. ประเภทของหมวกนิรภัย มีอะไรบ้าง?
4. วิธีการเลือกหมวกนิรภัยให้เหมาะสม
5. ข้อควรระวังในการใช้หมวกนิรภัย
6. Q&A
7. บทสรุป
8. อ้างอิง
ทำความรู้จักกับ หมวกนิรภัย เบื้องต้น
หมวกนิรภัย (Safety Helmet) หรือ (hard hats) เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ประเภทหนึ่งซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องส่วนศรีษะจากการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุในการปฏิบัติงาน เช่น การตกกระแทกของวัตถุ หรืออันตรายจากไฟฟ้า หมวกนิรภัยมักจะถูกใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงเช่น สถานที่ก่อสร้าง ส่วนงานผลิต หรือโรงงานอุตสาหกรรมหนัก
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหมวกนิรภัยจะถูกผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงและมีคุณสมบัติในการลดแรงกระแทกเช่น โพลีเมอร์ พลาสติก คาร์บอนไฟเบอร์ หรือโลหะ ภายในยังประกอบด้วยส่วนรองรับแรงกระแทกและดูดซับแรง สายรัดคางเพิ่มความกระชับเมื่อสวมใส่ บางประเภทยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้อีก เช่น ปีกหน้าหมวก ที่ครอบหู ที่บังหน้า แผ่นปิดคอป้องกันสารเคมี เป็นต้น อ้างอิงจากเว็บไซต์ University of Western Australia บทความเรื่อง Safety, Health and Injury Management and Wellbeing[1]
ความสำคัญของ หมวกนิรภัย ในการทำงาน
หลายๆ คนที่อยู่ในสายงานช่างและอุตสาหกรรมอาจจะยังไม่ตระหนักว่าทำไมการใส่หมวกนิรภัยระหว่างการทำงานถึงสำคัญ เพราะบางคนอาจรูู้สึกอึดอัดเมื่อใส่หรือทำงานได้ไม่คล่องตัวแต่จากงานวิจัย การเกิดอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรมและงานก่อสร้างในประเทศเกาหลี พบว่า กว่า 41% จากอุบัติเหตุที่ได้รับการบาดเจ็บในระหว่างการทำงานมักจะเกิดที่บริเวณศรีษะ
สัดส่วนอุบัติเหตุในอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศเกาหลีแยกตามส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ
อ้างอิงจากงานวิจัย Safety Helmet Wearing Management System for Construction Workers Using Three-Axis Accelerometer Sensor | [2] จากสัดส่วนที่อ้างอิง ไม่ว่าจะเป็นการตกจากที่สูง ลื่นล้ม สิ่งของหล่นกระแทก และอื่นๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าการไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน โดยเฉพาะหมวกนิรภัย อาจทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากกว่าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นในการทำงาน และเพื่อการป้องกันที่ดีที่สุดเราจำเป็นต้องเลือกประเภทของหมวกนิรภัยให้เหมาะสมกับงาน ดังที่จะอธิบายเรื่องประเภทในหัวข้อถัดไป
ประเภทของหมวกนิรภัย มีอะไรบ้าง?
การเลือกใช้หมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับงานนั้นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าหมวกนิรภัยมีกี่ประเภทและแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานอย่างไร อย่างในปัจจุบันที่เราจะสามารถพบเห็นได้ทั่วไปคือ กันกระแทก 2 ประเภท กันไฟฟ้า 3 ประเภท และกันความร้อนอีก 1 ประเภท เราจะแบ่งประเภทของหมวกนิรภัยตามมาตรฐานที่มีการรับรองและใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยจะแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้
Type I
หมวกนิรภัยประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการกระแทกที่ด้านบนของศีรษะเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่มีความเสี่ยงในการเกิดวัตถุหล่นลงมาจากที่สูง เช่น งานก่อสร้างหรือในโรงงาน อุสาหกรรมหนัก และส่วนการผลิตทั่วไป
Type II
หมวกนิรภัยประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการกระแทกทั้งจากด้านบนและด้านข้างของศีรษะ ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่มีความเสี่ยงในการกระแทกจากทุกทิศทาง เช่น งานอุตสาหกรรมหนักหรืองานที่ต้องทำในพื้นที่แคบ
Class G (General)
หมวกนิรภัยประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อลดการสัมผัสกับตัวนำไฟฟ้าแรงดันต่ำ และผ่านการทดสอบที่แรงดัน 2,200 โวลต์ (จากเฟสไปยังดิน) ซึ่งเหมาะสำหรับงานทั่วไปที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับไฟฟ้า เช่นเดินสายไฟ เป็นต้น
Class E (Electrical)
หมวกนิรภัยประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อลดการสัมผัสกับตัวนำไฟฟ้าแรงดันสูง และผ่านการทดสอบที่แรงดัน 20,000 โวลต์ (จากเฟสไปยังดิน) เหมาะสำหรับงานที่มีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสกับไฟฟ้าแรงดันสูง
Class C (Conductive)
หมวกนิรภัยประเภทนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการสัมผัสกับอันตรายจากไฟฟ้า เหมาะสำหรับงานที่ไม่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสไฟฟ้า เช่น งานก่อสร้างทั่วไปหรืองานในพื้นที่เปิดโล่ง เช่นงานขนย้าย งานซ่อมแซมต่างๆ
การเลือกใช้หมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับประเภทงานและสภาพแวดล้อมที่ทำงานอยู่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงานอย่างมาก ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทราบและปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยในที่ทำงาน
วิธีการเลือกหมวกนิรภัยที่เหมาะสมกับงาน
การเลือกหมวกนิรภัยที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงในการทำงาน นายจ้างต้องทำการประเมินความเสี่ยงในสถานที่ทำงาน และจากความเสี่ยงที่พบต้องตัดสินใจว่าจำเป็นต้องใช้หมวกนิรภัยหรือไม่ และถ้าจำเป็นต้องเลือกประเภทที่เหมาะสมที่สุด อ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงาน OSHA เรื่อง Head Protection: Safety Helmets in the Workplace มีดังต่อไปนี้
1. สำหรับไซต์งานก่อสร้าง
โดยเฉพาะไซต์ที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะมีวัตถุและเศษซากที่ตกกระแทกจาก อุปกรณ์ ตำแหน่งการทำงานที่ไม่สะดวก หรืออาจมีการลื่น สะดุดล้ม ควรพิจารณาให้ใช้หมวกนิรภัย Type I และ Type II ที่มีสายรัดคางด้วย
2. งานไฟฟ้า
สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าหรือใกล้กับอันตรายจากไฟฟ้า ควรสวมหมวกนิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันศีรษะด้วยวัสดุที่ไม่นำไฟฟ้าเช่น (Class G และClass E) จะให้การป้องกันเพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตหรือไฟฟ้าสถิต ที่ทำให้เกิดอันตราย
3. งานถนน
หมวกนิรภัยที่มีความสามารถในการมองเห็นสูง จะมีเครื่องหมาย “HV” บนฉลาก หมวกนิรภัย HV (High visibility) หรือ Class C ช่วยให้คนงานมองเห็นได้ชัดเจนในไซต์งาน เช่น งานก่อสร้างและงานถนน ที่มีรถพลุกพล่าน
การเลือกหมวกนิรภัยที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน แต่ยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการทำงานอีกด้วย ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการเลือกใช้หมวกนิรภัยจึงเป็นสิ่งที่นายจ้างและผู้ปฏิบัติงานทุกคนควรให้ความสำคัญและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ข้อควรระวังในการใช้หมวกนิรภัย
การใช้หมวกนิรภัยมีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ หมวกนิรภัยช่วยป้องกันอันตรายจากการกระเด็น รุนแรง หรือวัตถุที่ตกมาจากบนสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันอันตรายจากการชนกันระหว่างบุคคล การใช้หมวกนิรภัยควรใช้ตามมาตรฐานที่เหมาะสมกับงานและตรวจสอบสภาพของหมวกอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการรักษาความสะอาดของหมวกนิรภัยอย่างสม่ำเสมอ อย่าใช้หมวกที่มีรอยร้าวหรือชำรุดเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นได้ ให้เก็บหมวกนิรภัยในที่ที่เหมาะสมและปลอดภัยเพื่อป้องกันการเสียหาย
Q&A
หมวกนิรภัยควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
- หมวกนิรภัยควรเปลี่ยนเมื่อพบว่ามีรอยร้าวหรือความเสียหาย หรือหากผ่านการใช้งานมาแล้ว 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
หมวกนิรภัยสามารถป้องกันการกระแทกได้อย่างไร?
- หมวกนิรภัยมีการออกแบบให้รองรับแรงกระแทกจากวัตถุที่ตกลงมา โดยมีแถบรองรับแรงกระแทกภายในหมวกเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ควรเลือกหมวกนิรภัยที่ทำจากวัสดุอะไรดี?
- ควรเลือกหมวกนิรภัยที่ทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงและทนทาน เช่น โพลีเอทิลีน หรือไฟเบอร์กลาส สำหรับงานไฟฟ้าควรเลือกวัสดุที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า
บทสรุป
การเลือกหมวกนิรภัยที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอุบัติเหตุและรักษาความปลอดภัยในการทำงาน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเภทของหมวกนิรภัยและวิธีการเลือกใช้ที่เหมาะสม ความปลอดภัยในการทำงานเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกหมวกนิรภัยที่ถูกต้องเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาความปลอดภัยของคุณเอง อย่าลืมตรวจสอบและดูแลรักษาหมวกนิรภัยของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง - เจาะลึกข้อมูลของ หมวกนิรภัย พร้อมคำแนะนำการใช้งานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
แหล่งอ้างอิง
[1] - Safety, Health and Injury Management and Wellbeing URL: https://www.safety.uwa.edu.au/topics/physical/protective-equipment/head [accessed 28 Jun, 2024]
[2] - Safety Helmet Wearing Management System for Construction Workers Using Three-Axis Accelerometer Sensor - Scientific Figure on ResearchGate. Available from: https://www.researchgate.net/figure/Distribution-of-industrial-accidents-in-the-construction-industry-in-Korea-by-cause-of_fig1_329215244 [accessed 28 Jun, 2024]
[3] - Head Protection: Safety Helmets in the Workplace https://www.osha.gov/sites/default/files/publications/safety_helmet_shib.pdf