7 วิธีเลือก ดอกไขควง มาดูกันว่า ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?

Customers Also Purchased

  


    ดอกไขควง มีหัวหลายแบบ หลายขนาด หลากวัสดุ และหลากรูปแบบการใช้ อีกทั้งยังมียี่ห้อเยอะมาก ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ใครๆ จะรู้สึกปวดหัวกับการเลือก ดอกไขควง วันนี้จึงจะมาแนะนำ 10 วิธีการเลือก ดอกไขควง ที่ถูกต้อง โดยได้นำตัวอย่าง ดอกไขควง หลากยี่ห้อที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น BOSCH, Makita, Dewalt, Milwaukee, Montana, Sunflag และ Wera เผื่อจะช่วยให้คนที่กำลังอ่านบทความนี้เลือก ดอกไขควง และ ยี่ห้อ ดอกไขควง ได้เหมาะกับงานมากที่สุด


ความสำคัญของ ดอกไขควง

      ดอกไขควง (ภาษาอังกฤษ : Screwdriver Bit) คือสิ่งที่ใช้ขันสกรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดอกไขควง มีหัวหรือปลายหลายแบบ เพื่อให้พอดีหรือเข้ากับร่องบนหัวสกรูมากที่สุด ขันได้แน่นพอดีที่สุด ทำให้การยึดหรือประกอบมีประสิทธิภาพมากที่สุด หาก ดอกไขควง ไม่พอดีกับหัวสกรู หรือแรงที่กระทำต่อสกรูไม่อยู่ในแนวเดียวกับด้ามไขควง ดอกไขควง และสกรูก็จะไม่สัมผัสกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้สกรูเกิดการ 'เบี้ยว' หรือ 'หวาก' หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า 'Cam out' ซึ่งทำให้ไขควงหลุดออกจากหัวสกรูพร้อมกับเฉือนหัวสกรู ทำให้สกรูเสียหายและใช้งานไม่ได้อีกต่อไป


ทำไมต้องเลือก ดอกไขควง ให้เหมาะสม?

      ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ในโรงงาน หรือสถานที่อื่นๆ การขันสกรูทุกชนิดนับว่าเป็นวิธีการพื้นฐานในการเชื่อมต่อวัสดุหรือประกอบชิ้นงาน การเลือกใช้ ดอกไขควง ให้เหมาะกับสกรูจะทำให้งานออกมาสวยงามและแข็งแรงทนทานได้ เช่น ในงานไม้ ถ้าเลือก ดอกไขควง ถูกสกรูที่ขันก็จะไม่ทำให้ไม้แตก หรือเกิดการขันไม่แน่น หรือสกรูเสียหายจนเป็นปัญหากับการแก้ไขงานในภายหลัง ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด การเลือก ดอกไขควง ผิดอาจทำให้หัวสกรูเบี้ยวและพังผิดรูป เมื่อเจ้าของโครงการมาเห็นงานก็จะไม่พอใจ ทำให้ต้องรื้องานใหม่ ซึ่งนอกจากจะยุ่งยากแล้วยังเสียทั้งต้นทุน เวลา และทรัพยากรโดยใช่เหตุ 

ดอกไขควง wera


วิธีเลือก ดอกไขควง ให้เหมาะสม

      1. เลือก ดอกไขควง ที่เข้ากับรูปแบบสกรู

      อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่า ดอกไขควง มีหัวหลายแบบ ก็เพื่อให้เข้ากับสกรูที่จะใช้งาน ดังนั้น เมื่อรู้ว่าสกรูมีลักษณะอย่างไรแล้วก็ให้เลือก ดอกไขควง ที่สอดคล้องกัน งานทั่วๆ ไปจะใช้ ดอกไขควง 4 แบบหลักๆ ดังนี้

            1.1 Slotted หรือ ดอกไขควงหัวแบน เอาไว้ขันสกรูอย่างง่ายที่สุด ซึ่งเป็นสกรูแบบแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นมา ปัจจุบันใช้กันน้อยลงหรือไม่ใช้แล้ว ยกเว้นสกรูหัวจมทองเหลือง ปลายของ ดอกไขควง จะต้องพอดีกับร่องบากบนสกรูเพื่อให้หมุนได้อย่างถูกต้อง  ดอกไขควง ที่ไม่พอดีจะทำให้หัวสกรูเสียหาย

            1.2 Philips หรือ ดอกไขควงหัวแฉก มี 4 แฉก ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และได้รับการออกแบบมาให้ใช้กับแรงบิดเฉพาะ ไม่อย่างนั้นจะเกิด 'Cam out' ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สามารถขันสกรูหรือโบลต์ให้แน่นเกินไปได้ ไม่อย่างนั้นสกรูจะพัง

            1.3 Pozidrive หรือ ดอกไขควง PZ เป็น ดอกไขควง ที่มีแฉกเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาระหว่างแฉกใหญ่ 4 แฉก พัฒนาจากหัวของ Philips มักใช้งานทั่วไปในเวิร์กช็อป การค้า อุตสาหกรรม และบ้านเรือน การเพิ่มแฉกทำให้สามารถใช้แรงบิดที่มากขึ้นกับหัวสกรูได้ก่อนที่จะเกิด 'Cam out' จึงใช้ยึดของหรือชิ้นงานได้แน่นกว่าแบบ Philips

            1.4 Torx หรือ ดอกไขควง หกแฉก บางคนอาจมองเป็นรูปทรงดาว ปลายไขควงเรียบแบน ไม่หน้าเหมือน ดอกไขควง แบบอื่นๆ จึงพอดีกับหัวสกรู มีพื้นที่สัมผัสหรือรับแรงบิดได้มาก จึงใช้แรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีโอกาสเกิด 'Cam out' น้อยลง

ดอกไขควง

      2. เลือก ดอกไขควง ที่มีคุณสมบัติเข้ากับความต้องการ

            2.1 ดอกไขควงธรรมดา ก็คือ ดอกไขควงทั่วไป อาจไม่ได้มีความแข็งแรงทนทานมากนัก เพียงใช้แค่ไม่กี่ครั้งหรือใช้ชั่วคราว เหมาะกับบ้านเรือนที่มีการซ่อมแซมของใช้ภายในบ้านเป็นครั้งคราว เช่น ประกอบของเล่นและเฟอนิเจอร์

            2.2 ดอกไขควงแม่เหล็ก ถ้าหาก ดอกไขควง มีแม่เหล็กผสมด้วยก็จะช่วยป้องกันไม่ให้หลุดออกจากด้ามจับดอกหรือด้ามต่ออื่นๆ ซึ่งนอกจากความแข็งแรงก็จะได้แรงบิดเพิ่มขึ้นมาด้วย ข้อดีสำหรับ ดอกไขควง แม่เหล็กคือใช้งานกับสกรูเหล็กมาตรฐาน (ที่ไม่ใช่สเตนเลส) ตัวเล็กๆ ได้ดีเยี่ยม สกรูจะติดปลาย ดอกไขควง ไม่หล่นหายให้เป็นเรื่องยุ่งยากน่ารำคาญ นับว่าเป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อทำงานในพื้นที่จำกัด

            2.3 ดอกไขควงสองหัว คือ ดอกไขควง ที่ใช้ขันได้ทั้งสองด้าน ส่วนใหญ่จะออกแบบในลักษณะ Torsion เพื่อให้ยึดแน่นกับไขควง มักขายเป็นชุดหลายชิ้น เหมาะกับคนที่ต้องใช้งานเป็นประจำและใช้ครั้งละจำนวนมากๆ เมื่อหัวด้านหนึ่งถูกใช้จนหักหรือทู่ก็สามารถกลับอีกด้านใช้ได้ ช่วยลดจำนวนไขควงที่ต้องใช้หรือพกพาลงได้มาก

            2.4 ดอกไขควงลม หรือ ดอกไขควงกระแทก เป็น ดอกไขควง ที่ใช้กับไขควงกระแทกเพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น เร็ว และปลอดภัยมากขึ้น ดอกไขควง มักมีสำดำหรือทอง เพราะต้องรองรับแรงบิดและความร้อนจึงต้องแข็งแรงเป็นพิเศษ อาจผ่านการชุบแข็งหรือเคลือบสารที่เพิ่มความแข็งแรงและลดการกัดกร่อน ดูเพิ่มเติมได้ในหัวข้อที่ 4. และ 5.)

            2.5 ดอกไขควงเพชร คือ ดอกไขควง ที่เคลือบด้วยอนุภาคผงเพชร เพื่อความทนทานแข็งแรงสูงสุด ใช้สำหรับงาน Heavy Duty ในอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขันน็อตแน่นๆ ตัวใหญ่ๆ ดอกไขควง ไม่สึกกร่อนง่าย อายุการใช้งานยาวนาน  

ดอกไขควง

ดอกไขควง

      3. เลือก ดอกไขควง ที่เข้ากับงาน 

            2.5 ดอกไขควงตอก ไขควงตอก คือ ไขควงที่ทำจากโลหะทั้งหมด ใช้ร่วมกับค้อนเพื่อขันน็อตหรือบล็อกของเครื่องยนต์เก่าๆ หรือเครื่องจักรตัวใหญ่ที่มีการยึดประกอบอย่างแข็งแรงทนทาน หรือเป็นสนิมหนักเกินกว่าจะใช้ไขควงทั่วไปขันได้ ดอกไขควงตอก จึงมักมีขนาดใหญ่และรองรับแรงกระแทกได้ดี วัสดุแข็งแรงทนทาน อาจเป็นโลหะ โลหะผสม หรือสแตนเลส

            3.2 ดอกไขควง Drywall ใช้ขันสกรูที่ยึดแผ่นยิปซั่มเข้ากับผนัง ซึ่งใช้สกรูพิเศษเพื่อให้ด้านบนของหัวเทเปอร์จมอยู่ในแนวเดียวกับพื้นผิวของบอร์ดโดยเฉพาะ ผู้เชี่ยวชาญในไซต์งานจะใช้ไขควง drywall กับตัวจับดอกที่ปรับระดับได้

            3.3 ดอกไขควง Hinge Centering ดอกไขควง สำหรับงานติดตั้งบานพับเข้ากับโครง ซึ่งเป็นงานที่ค่อนข้างยุ่งยาก ข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของตำแหน่งรูเจาะอาจส่งผลให้เคาน์เตอร์ซิงค์ดึงบานพับออกจากแนวเมื่อขันสกรูจนสุด บานพับจึงอาจเบี้ยวหรือไม่แนบสนิทกับโครง ทำให้ลมหรือน้ำผ่านได้ ซึ่งจะมีปัญหาถ้าหากเปิดแอร์หรือฝนตก ดอกขันบานพับนี้ช่วยแก้ปัญหาได้ เนื่องจากปลายดอกเป็นทรงกรวย เข้ากับร่องสกรูได้อย่างพอดี

      4. เลือกวัสดุ ดอกไขควง ที่เข้ากับการใช้งาน 

      ดอกไขควง ส่วนใหญ่เป็นโลหะผสมชุบร้อน เพื่อให้ได้ความแข็งแรงและน้ำหนักตามที่ต้องการ โดยวัสดุที่บริษัทใช้กันจะมีประมาณ 9 อย่าง ได้แก่ เหล็ก, คาร์บอน, ซิลิกอน, โครเมียม, วาเนเดียม, นิกเกิล, แมงกานีส, ไนโอเบียม, และ โมลิบดีนัม แล้วแต่ว่าแต่ละบริษัทจะใช้อะไรมากน้อยแค่ไหน

      ในรายงานการทดลอง China Steel Technical Report, 22, pp. 1-6, (2009) กล่าวว่า ส่วนประกอบของโครเมียมวาเนเดียม SAE6150 (Cr-V), ซิลิกอนโครเมียม SAE (Si-Cr) และเหล็กกล้าโมลิบดีนัมวาเนเดียม S2 (Mo-V) เป็นส่วนผสมที่ดี เนื่องจากคาร์บอนมีความแข็งแต่ไม่เหนียว ซิลิกอนมีผลต่อการเสริมความแข็งแรงและต้านทานการเสียรูป (แข็งแรง ถูกกัดกร่อนน้อย) จึงเป็นวัสดุที่สามารถเพิ่มค่าแรงบิดได้ การเติมนิกเกิลในส่วนผสมจะช่วยชดเชยความเหนียวของคาร์บอน 

      โครเมียมรวมกับโมลิบดีนัมจะสร้างคาร์ไบด์มีประโยชน์ต่อการต้านทานการสึกหรอ ในขณะที่วาเนเดียมรวมกับไนโอเบียมมีผลในเชิงบวกต่อการผุกร่อน ดังนั้นจึงเพิ่มความเหนียวได้ ซึ่งคุณสมบัติที่ต้องการจะได้มาจากการชุบด้วยความร้อนออสเทนไนซ์ (ที่อุณหภูมิ 860 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที แล้วค่อยชุบแข็งด้วยน้ำมัน) และการหลอมคืนตัว (ที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชั่วโมง) ค่าความแข็งและแรงบิดสำหรับ ดอกไขควง ที่ได้คือ HRC60 และ 228-258 kgf·cm

ดอกไขควง

      5. เลือก ดอกไขควง ที่เคลือบสารตรงกับการใช้งาน

      เครื่องมือช่างที่ทำจากโลหะหรืออลูมิเนียมมักเคลือบด้วยสารต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานที่มากขึ้น หรือเพื่อให้เหมาะกับงานที่ทำ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ การกัดกร่อน การสึกหรอ อายุการใช้งาน โดยวัสดุที่ใช้เคลือบหลักๆ จะมีดังนี้

            ✦ อะลูมิเนียม ไททาเนียม ไนไตรด์ (AITiN) : ดอกไขควง อาจมีสีทองหรือสีเงิน มีความแข็งที่เหนือกว่าวัสดุอื่นๆ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิสูงมากกว่า 1,400 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 800 องศาเซลเซียส ป้องกันการสึกหรอเมื่อเจอกับวัสดุที่แข็งและมีฤทธิ์กัดกร่อน

            ✦ Black Oxide : เป็นการเคลือบเพื่อช่วยลดแรงเสียดทาน ดอกไขควง หรือปลายไขควงจึงมีสีดำ ลักษณะค่อนข้างด้าน เช่นในไขควง Wera

            ✦ Bright (ขัดเงา) : ดอกไขควง จะมีความสว่าง เงางาม เหมาะสำหรับใช้กับสกรูพลาสติกและอลูมิเนียมซึ่งลื่นมาก แต่เนื่องจากไม่ผ่านการเคลือบสิ่งอื่น ดอกไขควง ขัดเงาจึงสามารถลับคมได้เมื่อเริ่มทื่อ (ดอกไขควงหัวแบน)

            ✦ ไททาเนียมไนไตรด์ (TiN) : เคลือบเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของ ดอกไขควง

            ✦ ไททาเนียมคาร์โบไนไตรด์ (TiCN) : เหมาะสำหรับเคลือบดอกที่ใช้กับเหล็กกล้าไร้สนิม เหล็กหล่อ และอลูมิเนียม ดอกไขควง จะมีความแข็งและทนทานต่อการสึกหรอมากกว่าสารเคลือบอื่นๆ

            ✦ ไทเทเนียม อะลูมิเนียม ไนไตรด์ (TiALN) : ใช้สำหรับเหล็กกล้าคาร์บอนผสม 

ดอกไขควง

      6. เลือก ดอกไขควง ที่เข้ากับเครื่องมือ

            ✦ ดอกไขควง สำหรับ Power tools หรือ Power Bits มักจะเป็นทรงหกเหลี่ยม (ก้าน Hex) และมีร่องสำหรับล็อกก้านดอก ใช้ในเครื่องมือไฟฟ้า เช่น ไขควงไร้สาย สว่านแบบมีสายหรือไร้สาย และไขควงกระแทก 

            ✦ ดอกไขควง สำหรับ Hand tools หรือ Insert Bits อาจจะมีหรือไม่มีร่องสำหรับล็อกก้านดอกก็ได้ เนื่องจากไขควงบางอันใช้แม่เหล็กในการถอดและใส่ดอกจึงเป็นการเสียบดอกเข้าไปโดยตรงเฉยๆ ไม่มีกลไกอื่นภายใน ดังนั้น ควงสังเกตไขควงหรือดอกที่มีมาในชุดหรือคู่มือการใช้งานก่อนจะซื้อ ดอกไขควง เพิ่มเติม

      7. เลือกขนาดและความยาว ดอกไขควง ที่เข้ากับการใช้งาน 

      สิ่งสุดท้ายและสำคัญอย่างยิ่ง หากเลือกไม่ถูก ดอกไขควง นั้นก็จะใช้งานไม่ได้ เรื่องนั้นก็คือขนาดและความยาวที่เหมาะสม โดยขนาดนั้นไม่ใช่แค่พอดีกับหัวสกรู แต่ต้องพอดีกับที่จับดอกหรือปากไขควงด้วย ซึ่งมักจะนับหน่วยเป็นนิ้ว เช่น 1/4 นิ้ว 5/8 นิ้ว เป็นต้น

      ส่วนในเรื่องความยาวต้องเลือกที่เหมาะสมกับงาน ถ้าหากสกรูอยู่ลึกก็ต้องใช้ความยาวมากหน่อย เมื่อแรกคนส่วนใหญ่จึงมักซื้อแบบก้านยาวไว้ก่อน เพราะขันได้ทั้งลึกและตื้น แต่หากไม่จำเป็นต้องใช้แบบก้านยาวจริงๆ ก็ซื้อแบบก้านสั้นจะประหยัดกว่า ทั้งยังพกพาสะดวกด้วย

ดอกไขควง

ดอกไขควง


ตัวอย่าง ดอกไขควง อย่างดี ยี่ห้อต่างๆ

      ตัวอย่างยี่ห้อ ดอกไขควง ที่แนะนำในบทความนี้เป็นยี่ห้อที่ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนาน มีความน่าเชื่อถือ และมีคุณภาพที่ไว้วางใจได้

      1. ดอกไขควง Bosch

      ใครๆ ก็คงรู้จักยี่ห้อนี้ดี ซึ่งเค้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เนื่องจาก Bosch มีเครื่องมือไฟฟ้าเยอะ ของที่ใช้กับเครื่องมือของเค้าจึงต้องมีประสิทธิภาพที่ทัดเทียมกัน ดอกไขควง Bosch จึงเป็นดอกที่แข็งแรงและมีคุณภาพไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆ ที่นำมาให้ดูวันนี้มี 2 ชุดด้วยกัน 

      ชุดแรกเป็น ดอกไขควงหัวแฉก สีทอง Bosch Universal Gold PH2 ยาว 45 มม. ขนาด 1/4 นิ้ว จำนวน 20 ชิ้น เข้ากับด้ามแม่เหล็กได้ และมีแม่เหล็กในตัว ช่วยดูดจับสกรูได้ดี มีการเคลือบไทเทเนียมทำให้ดอกมีสีทอง จึงแข็งแรงทนทาน กัดกร่อนช้า อายุการใช้งานยาวนาน เหมาะกับงาน Heavy Duty

      อีกชุดเป็น ดอกไขควงกระแทก สองหัว สีดำ ช่วยเรื่องความแข็งแรงทนทาน ทนความร้อน และลดความลื่นบนหัวสกรู ตัวนี้เป็นรุ่น Bosch Expert Impact PH2 ขนาด 1/4 นิ้ว ยาว 65 มม. จำนวน 10 ชิ้น สามารถสลับด้านใช้งานได้ เป็นดอกไขควงคุณภาพสูง รับประกันเรื่องอายุการใช้งานที่มากขึ้น 50% ใช้กับไขควงกระแทกรุ่น GDR ได้ดี

      >>>ดู ดอกไขควง Bosch เพิ่มเติม

ดอกไขควง bosch

      2. ดอกไขควง Makita

      Makita เป็นอีกยี่ห้อที่คนถามหากันเยอะ เพราะเค้ามีเครื่องมือไฟฟ้าเยอะเช่นเดียวกับ Bosch เป็นที่นิยมของยี่ห้อฝั่งเอเชีย เรื่องคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ในด้านราคาก็เอื้อมถึงง่าย บทความนี้จึงนำมาให้ทุกคนดู 2 ตัวเช่นกัน 

      ดอกไขควง สีทอง 2 หัว Makita Impact GOLD Xtreme Torsion PH2 ขนาด 1/4 นิ้ว ยาว 65 มม. เป็นแบบแม่เหล็กดูดสกรู ตัวนี้มาแบบเดี่ยวๆ แยกชิ้น ขาดเหลือเมื่อไหร่ก็ค่อยซื้อเติม มีเทคโนโลยี Torsion ที่ก้านจึงบุ๋มลงไป ช่วยให้ไขควงจับดอกได้ดีขึ้น แน่นขึ้น และมีแรงบิดสูงขึ้น วัสดุแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้นานขึ้นและทนทานกว่า ดอกไขควง ธรรมดาถึง 8 เท่า มีที่ครอบดอกซึ่งเป็นแม่เหล็ก ช่วยให้ขันได้ตรง ไม่เบี้ยว และไม่ต้องใช้มือจับขณะขันสกรู ช่วยให้ทำงานมือเดียวได้สะดวก และสามารถถอดออกได้ถ้าไม่ต้องการใช้งาน

      สำหรับคนที่ต้องการชุด ดอกไขควง ตัวเล็กๆ สำหรับพกพา Makita ก็มีเหมือนกัน ตัวนี้เป็นรุ่น Makita B-45406 ทั้งชุดมี 31 ชิ้น มาพร้อมด้ามจับดอกไขควง ปลายไขควงมีหลายรูปแบบทั้ง Slotted, Phillips, Torx และ Hex

      >>>ดู ดอกไขควง Makita เพิ่มเติม

ดอกไขควง Makita

ดอกไขควง Makita

ดอกไขควง Makita

ดอกไขควง Makita

ดอกไขควง Makita

      3. ดอกไขควง Vessel 

      Vessel เป็นยี่ห้อที่ใครได้ใช้ก็เป็นอันติดใจ เปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นยากมาก ด้วยเพราะคุณภาพที่เห็นได้อย่างชัดเจนทั้งประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน ที่นำมาให้ดูในบทความนี้เป็น ดอกไขควง Vessel SAKISUBO Torsion No.SST 2 ชิ้น เป็น ดอกไขควงกลม กันกระแทกประเภท Construction Bits มีคุณสมบัติป้องกันการแฉลบหรือ 'Cam out' ได้ดี ทั้งยังผสมแม่เหล็กเพื่อช่วยดูดสกรู มีข้อจับแบบ Torsion ช่วยเรื่องจับยึดและเพิ่มแรงขัน ตัวดอกจะเป็นสีดำเนื่องจากเป็นดอกแม่เหล็กแรงสูง ยึดโลหะได้มากถึง 0.318 kgf ตัวนี้จะเป็นฉลากสีเหลือง ซึ่งหมายถึงเบอร์ 1 (สีใน ดอกไขควง Vessel จะแสดงถึงขนาดหรือเบอร์ของปลายไขควง)  

      >>>ดู ดอกไขควง Vessel เพิ่มเติม

ดอกไขควง Vessel

      4. ดอกไขควง Sunflag

      สำหรับคนที่หา Vessel ไม่เจอ สามารถใช้ ดอกไขควง Sunflag แทนได้ ทั้งคู่เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นเหมือนกัน คุณภาพและราคาก็พอๆ กัน

      >>>ดู ดอกไขควง Sunflag เพิ่มเติม

      5. ดอกไขควง Montana

      Montana ขึ้นชื่อเรื่องดอกสว่านและ ดอกไขควง เป็นอย่างมาก คนที่กำลังดูๆ ยี่ห้อนี้ไว้ไม่ต้องลังเลที่จะลองใช้ดูสักตัว รับรองว่าจะต้องติดใจจนต้องใช้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน Montana เป็นแบรนด์จากสหรัฐอเมริกา ราคาจึงอาจสูงกว่าแบรนด์ฝั่งเอเชีย แต่คุณภาพก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด

      ตัวที่นำมาให้ดูนี้เป็นชุดรวมของ ดอกไขควง และดอกสว่านซึ่งมาพร้อมด้ามจับและลูกบล็อก กล่องเดียวใช้งานได้ครอบคลุม ใครที่มีสว่านผสมไขควงกระแทก พกกล่องนี้ติดไปด้วยก็จะใช้งานได้ทุกสถานการณ์ สะดวกอย่างยิ่ง ดอกไขควง มีแบบเคลือบคาร์ไบด์ที่เสริมความแข็งแรง ยืดอายุการใช้งาน ส่วนดอกสว่านเคลือบไทเทเนียมสีทอง ที่จับดอกเป็นแม่เหล็กแรงสูง ล็อกดอกได้แน่น ง่าย ใช้แรงบิดได้เยอะ

      >>>ดู ดอกไขควง Montana เพิ่มเติม

ดอกไขควง montana

      6. ดอกไขควง Milwaukee

      สำหรับคนที่งบไม่มากแต่ต้องการ ดอกไขควง คุณภาพ ใช้งานได้จริง Milwaukee ก็เป็นอีกยี่ห้อที่แนะนำ โดยมีตัวเลือกไม่มากนัก ไม่ปวดหัว ส่วนใหญ่จะเป็นแบบสองหัว เผื่อด้านหนึ่งหักก็ยังกลับด้านใช้งานต่อได้ 

      ดอกไขควง ที่เอามาให้ดูนี้เป็นรุ่น Milwaukee SHOCKWAVE Impact Duty Wearguard Tip PH1 สำหรับงานทั่วไป ถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว มีความยาว 65 มม. ให้มา 1 แพ็กจำนวน 10 ชิ้น ตรงก้านเป็น SHOCK ZONE ที่รองรับแรงขันสูงสุด และป้องกันการแตกหัก จึงถือว่าแข็งแรงทนทาน ดอกไขควง เป็นชนิดกันสนิมและการกัดกร่อน จึงใช้งานได้ยาวนานตลอดจนหมดอายุการใช้งาน วัสดุเป็นอัลลอย 76 ที่มีความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา

      >>>ดู ดอกไขควง Milwaukee เพิ่มเติม

ดอกไขควง milwaukee

      7. ดอกไขควง Wera

      Wera เป็นยี่ห้อที่แทบไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเรื่องคุณภาพนั้นเค้าทำออกมาคุ้มราคามากๆ ใครใช้ก็ประทับใจ แม้ Wera จะเชี่ยวชาญเรื่อง Hand tools แต่ ดอกไขควง Wera ก็สามารถใช้กับเครื่องมือไฟฟ้าได้ สังเกตุจากดอกสีทองหรือสีดำ ซึ่งจะอยู่ในซีรี่ส์ Impactor เป็น ดอกไขควง ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับเครื่องมือไฟฟ้า ทนทานต่อความร้อน ลดการกัดกร่อน เพิ่มความแข็งแรง ไม่ลื่น ลดโอกาสแฉลบที่จะทำให้ทั้งไขควงและสกรูเสียหาย

      >>>ดู ดอกไขควง Wera เพิ่มเติม

ดอกไขควง wera

ดอกไขควง wera


      ดูเรื่อง ดอกไขควง เพิ่มเติม