Customers Also Purchased
กาพ่นสีจาก ANEST-IWATA เป็นเครื่องมือที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและมีประสิทธิภาพในการใช้งานเพื่อทำการพ่นของเหลว ไม่ว่าจะเป็นน้ำ หรือสาเคมี เพื่อใช้งานในการเคลือบสีหรือทำการตกแต่งชิ้นส่วนต่าง ๆ รูปแบบการใช้งาน เช่นงานพ่น งานเคลือบในงานอุตสาหกรรม งานไม้ งานฟอนิเจอร์ งานเคลือบเหล็ก ระบบการทำงานของกาพ่นสีใช้อากาศมาอัดเข้ากับของเหลวที่บรรจุอยู่เพื่อให้กระจายออกเป็นฝอยเล็ก ๆ เมื่อทำการพ่นลงไปบนผิวของงาน ตามลักษณะที่ต้องการ มีหลายประเภทเช่นประเภทอัตโนมัติ และแบบแมนนวล กาพ่นสีประเภทควบคุมด้วยตัวเองหรือแบบแมนนวลแบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อย ๆ ตามลักษณะการใช้งาน กาพ่นสีสำหรับงานใช้ทั่วไป กาพ่นสีที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพในการพ่นสี กาพ่นสีสำหรับใช้สีและเคมีแบบพิเศษ
กาพ่นสีใช้สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น
- การพ่นสีรถยนต์และอุตสาหกรรม: ปืนพ่นสีมักใช้ในการพ่นสีรถยนต์ รถบรรทุก และยานพาหนะอื่นๆ รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์
- งานไม้: ใช้ปืนฉีดเพื่อทาคราบ เคลือบเงา และพื้นผิวอื่นๆ บนพื้นผิวไม้ เช่น เฟอร์นิเจอร์และตู้
- งานโลหะ: ปืนฉีดใช้สำหรับทาสี สีรองพื้น และสารเคลือบอื่นๆ บนพื้นผิวโลหะ เช่น ท่อ ท่อดักส์ และเหล็กรูปพรรณ
- การทาสีที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์: ปืนฉีดใช้สำหรับทาสีภายในและภายนอกบ้านและอาคาร
- การเกษตร: ใช้ปืนฉีดพ่นเพื่อใช้ยาฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช และปุ๋ยในการทำฟาร์ม
- อื่นๆ: ปืนพ่นยังใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เคมี และเครื่องสำอางสำหรับความต้องการในการเคลือบและการฉีดพ่นต่างๆ
กาพ่นสีแบบดูด หรือแบบป้อนดูดเป็นปืนฉีดประเภทหนึ่งที่อาศัยการใช้การดูดเพื่อดึงของเหลวหรือวัสดุเคลือบออกจากภาชนะที่ทำการบรรจุและเข้าไปในกาฉีด เพื่อทำการพ่นแบบป้อนดูดนั้นมีหลักการทำงานโดยการสร้างสุญญากาศที่ส่วนทางเข้าของปืน สูญญากาศเพื่อที่จะดูดเอาของเหลววัสดุเคลือบออกจากภาชนะและเข้าไปในกาจากนั้นวัสดุของเหลวจะไหลผ่านส่วนปลายของเครื่อง โดยจะมีการควบคุมปริมาณของวัสดุของเหลวที่ปล่อยออกมาโดยใช้ฝาครอบอากาศซึ่งมีหน้าที่ทำการควบคุมปริมาณอากาศที่เข้าไปผสมกับวัสดุเพื่อสร้างการฉีดพ่นแบบเดียวกับสเปรย์ ทั้งนี้หัวฉีดและส่วนของฝาครอบอากาศยังเป็นตัวกำหนดรูปแบบของเหลวที่ได้ฉีดพ่นออกมาด้วย
ซึ่งโดยปกติแล้วกาฉีดพ่นสีแบบป้อนดูดนี้จะใช้การเชื่อมต่อกับภาชนะบรรจุวัสดุของเหลวเคลือบผิว เช่น กระป๋องสี และผ่านการใช้งานสายยาง สายยางควรมีขนาดและความยาวที่ถูกต้องเพื่อทำให้วัสดุของเหลวหรือสีเคลือบไหลเข้าสู่กาพ่นได้อย่างอิสระราบรื่นโดยที่จะไม่ทำให้เกิดฟองอากาศขณะทำการพ่น กาพ่นสีแบบป้อนดูดนั้นเป็นที่รู้จักในด้านของความเรียบง่ายและใช้งานการบำรุงรักษาได้อย่างง่าย มักนิยมใช้สำหรับการทาหรือพ่นสีในส่วนของวัสดุสีพื้นผิวขนาดใหญ่และเป็นที่นิยมในงานยานยนต์ อุตสาหกรรม และงานไม้ หรือไลน์การผลิตได้อีกด้วย
ข้อดีข้อเสียของกาพ่นสีแบบดูด
ข้อดีของ กาพ่นสีแบบดูด
1. มีการออกแบบที่เรียบง่าย: กาพ่นสี แบบดูดนี้ได้รับการออกแบบที่เน้นไปในทางที่ค่อนข้างเรียบง่าย ทำให้การใช้งานและการบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
2. มีต้นทุนต่ำ: โดยทั่วไปแล้วกาพ่นสีแบบดูด มักจะมีราคาที่ถูกกว่าปืนฉีดพ่นประเภทอื่น ๆ อยู่มากทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้มากจากราคาในตลาดที่ไม่สูงมากนัก
3. ง่ายต่อการทำความสะอาด: เนื่องจากว่าวัสดุตัวเครื่องถูกออกแบบให้สามารถแยกจากกัน การทำความสะอาดกาพ่นสีแบบดูดจึงทำได้ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว
4. สามารถใช้งานได้คลอบคลุมรอบด้าน: กาพ่นสีแบบดูด ยังสามารถใช้ได้กับวัสดุและพื้นผิวที่หลากหลาย รวมถึงสี สารเคมี สารเคลือบเงา การลบคราบสกปรก และอื่นๆ ได้หลากหลายทำให้สามารถทำงานได้อย่างคลอบคลุมและมีประสิทธิภาพ
5. ความจุขนาดใหญ่: กาพ่นสีแบบดูดยังมีความสามารถบรรจุวัสดุสีหรือของเหลวสารเคลือบได้จำนวนมาก ทำให้สามารถที่จะใช้งานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องเติมหรือเปลี่ยนใหม่ ทำให้การทำงานมีความลื่นไหลมากขึ้น
ข้อเสียของ กาพ่นสีแบบดูด
1. ควบคุมได้จำกัด: กาพ่นสีแบบแรงดูด ก็อาจจะมีความแม่นยำน้อยกว่าปืนพ่นสีประเภทอื่น ๆ อยู่บ้าง อาจจะทำให้ได้รายละเอียดที่ทำการพ่นลงไปที่ระยะพื้นผิวแบบละเอียดทำได้ยากขึ้น กว่าแบบอื่น ๆ ทั้งนี้ปัจจัยหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับหัวฉีดด้วย
2. มีแรงดันต่ำ: โดยทั่วไปแล้วกาพ่นสีแบบดูด จะมีลักษณะการทำงานที่ให้แรงดันที่ต่ำกว่ากาพ่นสีชนิดอื่นๆ ซึ่งข้อด้อยนี้อาจส่งผลต่อคุณภาพของรูปแบบการพ่นได้บ้างในบางกรณี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหัวฉีดและแรงของปั๊มลมด้วย
3. ความคล่องตัวลดลง: เพราะเนื่องจากว่ารูปทรงของภาชนะเก็บสีหรือถังสีแยกออกต่างหากและอยู่ด้านล่างของกาพ่นสีแบบป้อนดูดต้องเชื่อมต่อกับภาชนะด้วยสายท่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดการไม่คล่องตัวของวงเคลื่อนที่และทำให้ยากต่อการเข้าถึงพื้นที่ที่จำกัดอยู่บ้าง
4. ความหนืด: กาพ่นสีแบบดูด อาจจะได้รับปัญหาในการจัดการกับของเหลวที่มีความหนาแน่นสูง เช่น สีที่มีเนื้อหนาหรือสารเคลือบเงาหรือสารเคมีบางชนิด
5. ความเสี่ยงของการอุดตัน: กาพ่นสีแบบดูดอาจจะมีโอกาสในการเกิดการอุดตันได้ง่ายกว่าประเภทอื่น เนื่องจากการใช้ระบบสุญญากาศที่เกิดจากการดูดภายในเครื่อง ซึ่งสามารถเกิดการขัดขวางการไหลของวัสดุของเหลวและอาจจะส่งผลต่อรูปแบบการพ่น ในขณะการทำงานด้วย
ข้อแตกต่างของกาพ่นสีแบบดูด กับประเภทอื่น ๆ
☛ ANEST-IWATA เครื่องมือเคลือบผิวและพลังงานอากาศคุณภาพสูง มีกาพ่นสีหลายประเภทในตลาดปัจจุบัน โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป เราจะมาดูถึงข้อแตกต่างพอคร่าว ๆ เล็กน้อยระหว่างกาพ่นสีแบบดูด และ
กาพ่นสี ประเภทอื่น ๆ ว่ามีความต่างและลักษณะการใช้งานแบบไหน
➤ Gravity Feed: การพ่นสีแบบ Gravity feed อาศัยการใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อดึงเอาวัสดุของเหลวหรือสารเคลือบเข้าไปในกาพ่นสี วัสดุของเหลวจะถูกเก็บไว้ในภาชนะที่มีลักษณะเป็นถ้วยที่ถูกติดตั้งอยู่เหนือกาพ่นสี ซึ่งกาพ่นสีแบบนี้แรงโน้มถ่วงเป็นที่ทราบกันดีถึงความแม่นยำและการควบคุม ทำให้เหมาะสำหรับงานผิวละเอียดและงานที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก
➤ แบบแรงดัน: กาพ่นสีแบบป้อนแรงดันมีหลักการทำงานโดยใช้อากาศอัดหรือก๊าซเพื่ออัดแรงดันภาชนะบรรจุวัสดุเคลือบผิวและดันเข้าไปในส่วนของกาพ่น โดยกาพ่นสีประเภทนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีแรงดันสูงและอัตราการไหลสูงมาก ทำให้เหมาะสำหรับพื้นผิวขนาดใหญ่และวัสดุที่ต้องการการเคลื่อบที่หนา
➤ HVLP (แรงดันต่ำปริมาณสูง): กาพ่นสีแบบ HVLP ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดอัตราการพ่นที่มากเกินไปและเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนให้มากขึ้น ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นอีกด้วย
➤ Airless: กาพ่นสีแบบสุญญากาศใช้ปั๊มแรงดันสูงเพื่อทำให้เป็นละอองและฉีดพ่นวัสดุเคลือบผิว แทนที่จะใช้อากาศอัดหรือก๊าซ ปืนฉีดสุญญากาศเป็นที่รู้จักในด้านความเร็วและประสิทธิภาพที่มาก ทำให้เหมาะสำหรับพื้นผิวขนาดใหญ่และวัสดุที่มีความต้องการใช้ปริมาณการเคลือบที่มากตามไปด้วย
➤ ไฟฟ้าสถิต: การพ่นสีไฟฟ้าสถิต มีการใช้งานโดยอาศัยการนำประจุไฟฟ้าเพื่อดึงดูดวัสดุของเหลวเคลือบผิว ทำให้ได้สีเคลือบที่มีความสม่ำเสมอมากขึ้นในการใช้งาน
กาพ่นสีแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป การเลือกใช้กาพ่นสีขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อกำหนดเฉพาะของงานที่ทำอยู่
วิธีเก็บรักษาและซ่อมแซม
เพื่อให้กาพ่นสีอยู่ในสภาพใช้งานได้ดีอยู่ตลอดเวลา คุณควรทำความสะอาดและพ่นสารหล่อลื่นทุกครั้งหลังใช้งาน ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดหัวฉีด เข็ม และฝาปิดช่องลมเพื่อขจัดสีหรือเศษผงออก ตลอดจนหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวด้วยสารหล่อลื่นที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องเก็บปืนไว้ในที่แห้งเพื่อป้องกันสนิม ในการซ่อมกาพ่นสี ขั้นตอนแรกคือการระบุปัญหา ปัญหาทั่วไป ได้แก่ หัวฉีดอุดตัน เข็มชำรุด และการรั่วไหล วิธีการซ่อมแซมเฉพาะจะขึ้นอยู่กับปัญหา แต่อาจเกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดหรือเปลี่ยนชิ้นส่วน ขอแนะนำให้ดูคำแนะนำของผู้ผลิตหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีการซ่อมมากพอ