Customers Also Purchased
ในการซื้อ ปั๊มลมสกรู คู่มือเล่มนี้อธิบายการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษาของ ปั๊มลมสกรู ขอแนะนำให้ท่านได้อ่านรายละเอียดให้ครบก่อนการติดตั้งและการใช้งาน กรุณาเก็บคู่มือไว(กับปั๊มลม) สำหรับความจำเป็นในการซ่อมบำรุงนั่นเอง
โครงสร้างภายใน ปั๊มลมสกรู
1. คูเลอร์
2. ตัวกรองอากาศ
3. มอเตอร์
4. ถังพักน้ำมัน
5. ตัวกรองน้ำมัน
6. พัดลมทำความเย็น
7. ตัวแยกน้ำมันและอากาศ
8. สายพาน โพลี-วี
9. วาล์วควบคุมอากาศเข้า
10. หัวสกรู
11. วาล์วระบายความกดดัน
12. ล้อหมุนสายพานมอเตอร์
13. ล้อหมุนสายพานหัวสกรู
14. ฝาจุกที่เติมน้ำมัน
15. วาล์วโซลินอยด์
16. วาล์วบายพาสความร้อน
AIR LOOP
อากาศจะถูกดูดผ่านตัวกรองอากาศเพื่อดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกก่อน อากาศจะผ่านวาล์วควบคุมอากาศเข้าและส่งต่อไปยังหัวสกรู อากาศจะรวมกับน้ำมันที่มีความเย็นใช้ในการหล่อลื่นหัวสกรู หลังการอัดอากาศ อากาศที่มีน้ำมันปะปนอยู่จะไหลเข้าสู่ถังพักน้ำมันที่ซึ่งจะเป็นที่แรกในการแยกอากาศและน้ำมันออกจากกัน อากาศที่ถูกอัดจะไหลผ่านตัวแยกอากาศและน้ำมัน เข้าสู่ทำความเย็นอากาศ และดูดอากาศเข้าไปในสายส่งอากาศ
OIL LOOP
การหมุนเวียนน้ำมันมีความสำคัญมากในการทำงานของปั๊มลม น้ำมันที่มีความเย็นจะถูกกรองผ่านตัวกรองน้ำมันและถูกฉีดเข้าไปในหัวสกรูปะปนกับอากาศที่ถูกอัด อากาศและน้ำมันที่ถูกอัดจะผสมกันเข้าไปในตัวถังเพื่อเป็นอันดับแรกในขบวนการแยกน้ำมันและอากาศ น้ำมันจะจมลงไปในส่วนล่างของถังและไหลผ่านตัวทำความเย็นน้ำมัน และไหลกลับไปยังหัวสกรูผ่านตัวกรองน้ำมัน
ข้อควรระวังในการติดตั้ง
- ปั๊มลมควรจะติดตั้งในสถานที่ที่มีความกว้างขวางเพียงพอ เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและการบำรุงรักษา
- ควรติดตั้งปั๊มลมภายในอาคารที่มีพื้นที่สะอาดและพื้นฐานมั่นคง
- ปั๊มลมมีส่วนประกอบของระบบอีเล็คโทนิคที่มีความเที่ยงตรง การติดตั้งควรอยู่ในสถานที่ที่ป้องกันน้ำได้ ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อว่าปั๊มลมจะไม่เกิดความเสียหายเนื่องมาจากน้ำฝน แม้ว่าจะเป็นการวางใน สถานที่นั้นเป็นการชั่วคราวก็ตาม
- ควรติดตั้งปั้มลมในบริเวณที่มีการถ่ายเทอากาศได้ดี อุณหภูมิและความชื้นต่ำ และแห้งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยอุณหภูมิโดยรอบบริเวณควรน้อยกว่า 40 องศาเซลเซียส
- วิธีการที่มีประสิทธิภาพคือ การปล่อยอากาศให้ระบายออกด้านนอกโดยผ่านท่อดูดด้านบนของตัวปั๊มลม ใน กรณีที่ต้องมีการบำรุงรักษาด้านบนของปั๊มลม ท่อดูดที่ติดตั้งควรทำด้วยวัสดุที่มีความอ่อนตัว เช่นทำด้วยผ้าใบ เป็นต้น เพื่อสะดวกในการบำรุงรักษา
- ควรติดตั้งปั๊มลมในสถานที่ปราศจากฝุ่น เพื่อปั๊มลมสามารถดูดอากาศที่สะอาดไปใช้ในการอัดลมได้ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีก๊าซพิษ เช่น ก๊าซคลอรีน ก๊าซไฮโดรเจน ซัลไฟด์ ก๊าซซัลเฟอร์อ๊อกไซด์ เป็นต้น
การขนส่ง
การขนส่งโดยรถยก
เมื่อมีการเคลื่อนย้ายตัวปั๊มลมโดยรถยก ต้องให้แน่ใจว่าง่ามยกของรถได้สอดผ่านรูด้านล่างของฐานตัวตู้ปั๊มลมโดยตลอด และเพื่อการป้องกันการเสียหายในการขนย้ายให้ใช้วัสดุกันกระแทกสอดไว้ในช่องระหว่างตัวปั๊มลมกับรถยก
การขนส่งโดยปั่นจั่น
ในการยกปั๊มลมโดยปั่นจั่นควรใช้วัสดุกันกระแทกกันไว้ทั้งสี่มุมของตัวตู้ช่วงที่ยกด้วยลวดสลิงเพื่อป้องกันความเสียหายในการขนส่ง ตัวตู้ของปั๊มลมควรคลุมด้วยกระดาษหรือผ้าเพื่อป้องกันการขูดขีดในขณะขนส่ง
การติดตั้ง
- ควรจะมีพื้นที่เพียงพอต่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุงโดยรอบของปั๊มลม อย่างน้อยที่สุดควรมีพื้นที่สำหรับการเปิดฝาตู้ปั๊มลม
- เพื่อความสะดวกในการซ่อมบำรุง ควรจะมีพื้นที่เพียงพอด้านหลังของปั๊มลมด้วย
- ควรติดตั้งปั๊มลมบนพื้นที่เรียบเสมอกัน เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนและเกิดเสียงดัง
การติดตั้งในห้องที่มีการควบคุมการระบายอากาศ
ใช้พัดลมระบายอากาศ
- การใช้ปั๊มลมในห้องที่มิดชิดนั้น ควรมีการติดตั้งระบบดูดอากาศเข้าและระบายออกด้วย
- ขนาดของท่ออากาศเข้าต้องมีขนาดที่เหมาะสม เพื่อให้อากาศในห้องมีความกดดันสมดุล
- ปั๊มลมอาจหยุดการทำงานเมื่ออุณหภูมิในห้องสูง 40 องศาเซสเซียส หรือ สูงกว่า
เลือกสถานที่ตั้งที่มีการหมุนเวียนอากาศ
- การใช้ท่อระบายอากาศ
- ให้แน่ใจว่าได้มีการติดตั้งท่อระบายอากาศในห้อง หากเป็นไปได้ควรติดตั้งพัดลมดูดอากาศด้วย
- ติดตั้งตะแกรงลวดที่ปลายทางออกของปล่องลม เพื่อกันไม่ให้นกหรือสัตว์อื่นๆเข้ามาในท่อระบายลม
- ป้องกันไม่ให้น้ำฝนเข้ามาทางปล่องลมระบายอากาศ
- ให้ทำการงอปล่องระบายลมให้น้อยที่สุด(ความกว้างสูงสุด 5 mmH2O) เพื่อลดความเสียดทานของลมที่ระบายออก
- ดัดปล่องระบายอากาศให้งอน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ให้ติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้ที่ปลายปล่องระบายอากาศ ถ้าหากท่อดูดอากาศสูญเสียความกดดันมากกว่า 5 mmH2O
การเดินท่อ
- ติดตั้งข้อต่อที่มีความยืดหยุ่นเพื่อลดความตึง การสั่นสะเทือนและแรงดึงที่ไม่ปกติ
- ขนาดของท่อต้องเท่ากับหรือใหญ่กว่าท่อทางออกของปั๊มลม
- เพื่อประสิทธิภาพของลมจำเป็นต้องลดความสูญเสียความกดดันของลม โดยการลดจำนวนข้องอ, ข้อต่อและวาลว์ ต่างๆ ในระบบท่อลม
- ถ้ามีจุดใดในท่อลมที่ต่ำ จะเป็นจุดที่น้ำสะสมควรจะมีการติดตั้งวาล์วปิด-เปิดเพื่อปล่อยน้ำทิ้ง ฉะนั้นการติดตั้งจุดปล่อยน้ำจึงควรมีการพิจารณาในขั้นตอนออกแบบการวางท่อ
- ท่อทางเดินของลมควรจะมีระยะที่สั้นเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดการตกคร่อมความกดดันของลม ความเสียดทานของท่อก็ควรมีการนำมาพิจารณาอย่างจริงจังด้วยในการเดินท่อลม
- การเดินท่อภายในควรมีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้คาอยู่ในท่อ และติดตั้งวาลว์ปล่อยน้ำในจุดต่ำสุดของท่อ
- เมื่อมีการติดตั้งปั๊มลมมากกว่าสองเครื่องเข้าไปในท่อลมสายเดียวกัน ควรมีการติดตั้งวาลว์ปิด-เปิดในท่อของปั๊มแต่ละตัวสำหรับปิดพักเครื่องแต่ละตัวได้ ควรติดตั้งวาลว์สำหรับปล่อยน้ำทิ้งในระหว่างปั๊มลมพร้อมทั้งติดตั้งวาล์วปิด-เปิดในจุดนั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการทดสอบและซ่อมบำรุงปั๊มลม
- ช่วงท่อที่ต่อจากปั๊มลมไปยังถังพักลมควรมีการติดตั้งตัวปล่อยน้ำทิ้ง เพื่อความสะดวกในการปล่อยน้ำทิ้ง
การเดินสายไฟ
- ปั๊มลมของบริษัทใช้ทำลังไฟฟ้า AC (220V/50Hz) หรือ (380V/50Hz) 3-phase (ดูตารางข้อมูลด้านล่าง) ในการใช้งานที่สำบูรณ์ให้ต่อสายไฟเข้าตัวเบรกเกอร์หรือสะพานไฟและสายดิน
- ติดตั้งตัวเบรกเกอร์ เพื่อป้องกันมอเตอร์ไหม้, ไฟฟ้าลัดวงจร และไฟลงดิน
- ความเปลี่ยนแปลงแรงดันไฟฟ้าควรจะมีขีดจำกัด +10% และความต่างระหว่าง Phase +3%
- สำหรับกำลังไฟฟ้าของปั๊มลมนี้ ต้องแน่ใจว่าได้ติดตั้งกล่องเบรกเกอร์ (Molded case circuit breaker)(MCB) และระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรไว้ด้วย
แรงม้า
|
เบรกเกอร์วงจรไฟฟ้า(A) |
ขนาดสายไฟฟ้า (mm2) |
ฟิวส์ (A) |
||||
220V |
380V |
220V |
380V |
ความยาว(m) |
220V |
380V |
|
5 |
50 |
30 |
8 |
5.5 |
50 |
3 |
2 |
7.5 |
50 |
30 |
8 |
5.5 |
50 |
3 |
2 |
10 |
50 |
30 |
8 |
5.5 |
50 |
3 |
2 |
15 |
60 |
50 |
14 |
5.5 |
50 |
3 |
2 |
20 |
75 |
50 |
22 |
8 |
50 |
3 |
2 |
30 |
125 |
75 |
38 |
14 |
50 |
5 |
3 |
40 |
150 |
100 |
60 |
22 |
50 |
5 |
3 |
50 |
175 |
125 |
80 |
38 |
50 |
5 |
3 |
60 |
175 |
150 |
100 |
50 |
50 |
5 |
3 |
75 |
225 |
175 |
150 |
60 |
50 |
5 |
3 |
100 |
300 |
225 |
250 |
100 |
50 |
5 |
3 |
- ถ้าหม้อแปลงไฟมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ และ/หรือ ขนาดสายไฟฟ้าเล็กเกินไป และ/หรือใช้สายไฟยาวเกินไป จะทำให้แรงดันไฟฟ้าตกเมื่อมีการสตาร์ทเครื่องปั๊มลม มอเตอร์ไฟฟ้าอาจจะทำงานไม่ได้เต็มที่ บางกรณีมอเตอร์ไฟฟ้าอาจจะไม่ทำงานเลย ฉะนั้นควรเลือกหม้อแปลงไฟฟ้าที่เหมาะกับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น ๆ
*ขีดความสามารถของเบรกเกอร์วงจรไฟฟ้าและขนาดของสายไฟฟ้าที่ระบุไว้ในตารางนี้เป็นค่ามาตรฐานเท่านั้น ส่วนในการใช้งานจริงให้พิจารณาตามขนาดของกำลังไฟฟ้าและความยาวของสายไฟ
หน้าที่ของแผงควบคุมวงจร
- เริ่มเดินเครื่อง กดปุ่ม (START) เพื่อเริ่มการทำงานของปั๊มลม เมื่อลมอัดสูงถึงจุดที่กำหนด ปั๊มลมจะเข้าสู่ระบบ อันโหลด โดยอัตโนมัติ
- หยุดเครื่อง กดปุ่ม (STOP) เพื่อหยุดการทำงานของปั๊มลม มอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดหลังจากหมดเวลาหน่วง (การนับถอยหลังจะแสดงบนแผง LCD)
- การแจ้งเตือนข้อบกพร่อง (PHASE REVERSAL) หมายถึงสายไฟต่อไม่ถูกต้อง ขอให้สลับสองในสามของสายไฟ R,S หรือ T ของการจ่ายกระแสไฟฟ้า
- โปรดดูแผ่นแผนผัง (2C01-S032 ) เพื่อรายละเอียดเพิ่มเติ่มของแผงควบคุมวงจร
การใช้งาน
- ก่อนการเดินเครื่อง ตรวจเช็คความปลอดภัยโดยรวมของปั๊มลม และแจ้งเตือนบุคคลที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
- ตรวจเช็คระดับน้ำมันของปั๊มลมว่าอยู่สูงกว่าจุดกึ่งกลางของเกจ์วัดระดับน้ำมัน ถ้าระดับน้ำมันอยู่ต่ำให้เติมน้ำมันเพิ่ม
* ใช้น้ำมันปั๊มลม PUMA เท่านั้น ห้ามผสมกับน้ำมันยี่ห้ออื่น
* ก่อนการเติมน้ำมันเครื่องปั๊มลม ตรวจดูว่าเกจ์วัดความดันอยู่ที่ 0 กก. / ตร.ซม.
การทดสอบการเดินเครื่อง
- เปิดปุ่มกระแสไฟ เปิดจ่ายกระแสไฟและให้แน่ใจว่ามีไฟ (STOP) แสดงบนหน้าปัด LCD
- เช็คว่าข้อมูลต่าง ๆ ได้ปรากฏอยู่บนแผง LCD เป็นปกติ หากมีข้อสงสัยใด ๆ โปรดสอบถามผู้จำหน่ายของท่าน
- หลังจากกดปุ่ม (START) ตรวจเช็คว่ามีน้ำมันรั่ว หรือมีการสั่นสะเทือนและมีเสียงดังผิดปกติหรือไม่
- สำหรับการทดสอบเดินเครื่องที่ไม่มีการใช้งานจริง ให้เปิดวาล์วด้านทางจ่ายลมออก
- ปล่อยให้เครื่องทำงานประมาณ 30 นาที ตรวจเช็คเสียงที่ผิดปกติ และการรั่วของน้ำมัน
- หลังจากปิดวาล์วด้านทางจ่ายลมออก เช็คดูแผงวงจรว่าแรงดันของอากาศที่ด้านทางออกตรงตามข้อมูลหรือไม่
- อ่านและตรวจดูการตั้งค่าแรงดัน
แรงดันที่ตั้งค่าไว้ที่ 8 10 12 กก./ตร.ซม.
แรงดันที่มีการใช้งาน 6 8 10 กก./ตร.ซม.
แรงดันที่ไม่มีการใช้งาน 8 10 12 กก./ตร.ซม.
- ในขณะที่มีการอัดลมเต็มที่ (แรงดันที่ 7.5 – 8 กก./ตร.ซม.) ให้ดึงทดสอบห่วงแหวนของเซฟตี้วาล์วปล่อยลมเพื่อเช็คการทำงาน
- หยุดการทำงานของเครื่องโดยการกดปุ่ม (STOP)
- เช็คระดับน้ำมันอีกครั้ง
- เช็คระบบแรงดันที่เกจ์ 0 กก. / ตร.ซม.
- เช็คว่าระบบอัตโนมัติของโซลีนอยด์วาล์วทำงานปกติหรือไม่
การทำงานประจำวัน
- เช็คระดับน้ำมันของปั๊มลมต้องอยู่สูงกว่าระดับกึ่งกลางของตัววัดน้ำมัน
- ค่อย ๆ เปิดวาล์วที่ใต้ถังเก็บอากาศ / น้ำมัน เพื่อปล่อยน้ำที่สะสมอยู่ออกไป (วางถาดรองรับน้ำที่ปล่อย)
- ห้ามเปิดวาล์วปล่อยน้ำในขณะเดินเครื่อง
- เปิดกระแสไฟฟ้า
- กดปุ่ม (START)
- ตรวจดูการแสดงผลบนแผงควบคุมวงจร
- เช็คการรั่วของน้ำมัน / อากาศ และเสียงที่ผิดปกติ
- ห้ามเปิดวาล์วต่าง ๆ ต่อไปนี้ในขณะที่เครื่องทำงาน
1. วาล์วปล่อยน้ำมันของปั๊มลม
2. ฝาครอบตัวกรองน้ำมันของปั๊มลม
(จะมีแรงดันลมเหลืออยู่ในปั๊มลม และน้ำมันยังร้อนอยู่หลังจากปั๊มลมหยุดการทำงานแล้ว) เช็คแรงดันของวาล์วระบายลมโดยการดึงแหวนที่วาล์วเพื่อทดสอบการทำงาน
การซ่อมบำรุง
เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าปั๊มลมสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย, ราบเรียบ, และประหยัด อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ท่านต้องตรวจเช็คและซ่อมบำรุงดังต่อไปนี้ ต้องให้แน่ใจว่าได้ปิดกระแสไฟฟ้าก่อนที่ท่านจะทำการตรวจเช็ค และซ่อมบำรุงปั๊มลม
เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหลังจากการทำงานมา 1000 ชั่วโมงแรกและเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ 3000 ชั่วโมง ปกติควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก ๆ 3000 ชั่วโมง แต่ถ้าน้ำมันมีความสกปรกก่อนเวลาอันควรก็ควรจะเปลี่ยนทันทีก่อนถึงกำหนด แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อ PUMA
ตัวกรองน้ำมันเครื่อง
- ปิดกระแสไฟฟ้า
- ต้องให้แน่ใจว่าความกดดันอยู่ที่ 0 กก./ตร.ซม.
- เปิดตัวกรองน้ำมันเครื่องด้วยประแจถอดตัวกรองน้ำมันเครื่อง
- ทาจาระบีที่ปะเกนฝาของตัวกรองน้ำมันเครื่องตัวใหม่
- ก่อนการติดตั้งให้ถือตัวกรองน้ำมันให้อยู่ในตำแหน่งตั้งตรงและเติมน้ำมันลงไปในตัวกรองน้ำมันเครื่องด้วยน้ำมันชนิดเดียวกันกับน้ำมันที่เติมในถังพักอากาศ/น้ำมัน
- ขันตัวกรองน้ำมันเครื่องให้แน่นด้วยมือเปล่า ไม่ต้องใช้เครื่องมือ
ตัวกรองอากาศ
- ปิดกระแสไฟฟ้า
- เปิดฝาครอบตัวกรองอากาศออกและเป่าฝุ่นออกอย่างระมัดระวัง
- นำไส้กรองอากาศออกมาเป่าฝุ่นหรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่
- ปิดฝาครอบตัวกรองอากาศ ตรวจตราให้ดีว่าตำแหน่งถูกต้องในขณะที่ประกอบกลับเข้าไป
ข้อควรระวัง ขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกออกจากท่อทางเข้าของอากาศของปั๊มลม
ตัวแยกน้ำมัน / อากาศ
- ปิดกระแสไฟฟ้า
- เช๊คระบบความกดดันให้อยู่ที่ 0 กก./ ตร.ซม.
- ถอดไส้กรองออก
- เปลี่ยนไส้กรองใหม่
วาล์วความกดดันขั้นต่ำ
วาล์วกดดันขั้นต่ำถูกตั้งไว้ที่ 5 กก./ ตร.ซม. ตรวจเช็คความเสียหาย และทำความสะอาดวาล์วและโอริง หลังจากเดินเครื่องได้ 6000 ชั่วโมง
- ถอดแป้นเกลียวที่ล๊อกออก
- ปรับเกลียวการตั้งค่า 2-1. หมุนตามเข็มนาฬิกา : เพิ่มค่าความกดดัน 2-2. หมุนทวนเข็มนาฬิกา : ลดค่าความกดดัน
- ขันแป้นเกลียวเข้าเพื่อล็อกให้แน่น
ตรวจเช็คสายพานโพลี-วี
- ทำการตรวจเช็คเมื่อมีการเดินเครื่องไป 100 ชั่วโมงแรก และทุก ๆ 3000 ชั่วโมง
- เมื่อมีการเปลี่ยนสายพานใหม่ ให้ตรวจเช็คและปรับตั้งใหม่หลังจากเดินเครื่องได้ 1 ชั่วโมง เพราะว่าสายพานจะมีการยืดตัว
รายการตรวจเช็ค และการบำรุงรักษา
ระบบและส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ |
วิธีการทำ |
ระยะเวลาการตรวจเช็ค |
|||||||
ปจว. |
100ชม. |
1000ชม. |
3000ชม. |
6000ชม. |
12000ชม. |
24000ชม. |
|||
การควบ คุม |
ระบบทั้งหมด |
ตรวจ |
|
|
● |
|
|
|
|
วาล์วเข้า |
ถอด/ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
|
สวิทซ์แรงดัน |
ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
|
วาล์วโซลินอยด (unloading) |
ถอด/ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
|
หัว สกรู |
ลูกปืน |
เปลี่ยน |
|
|
|
|
|
|
● |
ซีลเพลา |
ตรวจ/เปลี่ยน |
|
|
|
|
● |
|
|
|
โอริ่ง |
เปลี่ยน |
|
|
|
|
|
|
● |
|
มอ เตอร์ |
มอเตอร์ใหญ่ |
ตรวจ |
|
|
|
|
|
|
● |
มอเตอร์พัดลม |
ทำความสะอาด |
|
|
|
|
|
|
● |
|
ไส้ กรอง |
อากาศ |
ตรวจ/เปลี่ยน |
|
|
●* |
|
● |
|
|
น้ำมัน |
เปลี่ยน |
|
|
●* |
● |
|
|
|
|
ตัว แยก
|
ตัวแยก |
เปลี่ยน |
|
|
|
● |
|
|
|
ปะเก็น |
เปลี่ยน |
|
|
|
● |
|
|
|
|
ถังพักน้ำมัน |
ระบายน้ำทิ้ง |
● |
|
|
|
|
|
|
|
ท่อส่งกลับ |
ทำความสะอาด |
|
|
|
● |
|
|
|
|
วาล์ว |
วาล์วแรงดันอากาศขั้นต่ำ |
ถอด/ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
วาล์วอากาศเข้า |
ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
|
วาล์วระบาย |
ตรวจ |
● |
|
|
|
|
|
|
|
วาล์วบายพาส |
ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
|
ตัว ตรวจ สอบ |
แผงควบคุม |
ตรวจ |
|
|
|
|
● |
|
|
เบรกเกอร์ |
ตรวจ |
● |
|
|
|
|
|
|
|
เซ็นเซอร์โอเวอร์โหลด |
ตรวจ |
|
|
● |
|
|
|
|
|
เซ็นเซอร์อุณหภูมิ |
ตรวจ |
|
|
● |
|
|
|
|
|
อื่น ๆ |
น้ำมันหล่อลื่น |
ตรวจ |
|
|
●* |
● |
|
|
|
ตัวทำความเย็น |
ทำความสะอาด |
|
|
|
● |
|
|
|
|
สายพาน |
ตรวจ |
|
●* |
|
● |
|
|
|
|
พัดลมระบายความร้อน |
ทำความสะอาด |
|
|
|
● |
|
|
|
|
เซ็นเซอร์อุณหภูมิ |
เปลี่ยน |
|
|
|
|
|
● |
|
|
วาล์วโซลีนอยด์ |
เปลี่ยน |
|
|
|
|
|
● |
|
อุปกรณ์ความปลอดภัย
สำหรับความปลอดภัยและการทำงานอย่างถูกต้องของปั๊มลม ไฟเตือนบนแผงควบคุมจะแจ้งเตือนความผิดพลาดและความผิดปกติ
- สัญญาณเตือน ไฟเตือนจะติดเมื่อถึงชั่วโมงรับบริการ (ตั้งค่าจากโรงงาน) ถึงเวลาปฏิบัติตามระยะการซ่อมบำรุง
- สัญญาณเตือนความผิดพลาด เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านมอเตอร์เกินกว่าค่าที่กำหนดในเวลาที่กำหนดเนื่องจากใช้ไฟฟ้ามากเกินไป ,การทำงานของซิงเกิล-เฟส เป็นต้น ตัวหน่วงจะทำงานและหยุดการทำงานมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติเพื่อการป้องกันมอเตอร์
การทำงานของมอเตอร์หลัก กดปุ่มตั้งค่าในกล่องไฟฟ้า ถ้ามอเตอร์เดินแสดงว่าการทำงานปกติมันเป็นเรื่องธรรมดาหากมอเตอร์หยุดการทำงานอีกครั้งและไฟสัญญาณใช้ไฟเกินติดขึ้น ให้ไปดูหัวข้อการแก้ไขปัญหาในหน้าที่รวบรวมปัญหา
อุณหภูมิที่ส่งออกมา
- ตัวรับสัญญาณของอุณหภูมิที่มีความไวสูงจะตรวจสอบอุณหภูมิและจะหยุดการเดินเครื่องของปั๊มลมเมื่ออุณหภูมิสูงถึงจุดที่ตั้งค่าไว้
- ตัวรับสัญญาณจะตรวจอุณหภูมิที่สูงขึ้นผิดปกติของปั๊มลมอันเนื่องมาจากน้ำมันหล่อลื่นไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพของตัวทำความเย็นลดลง ปั๊มลมทำงานมากเกินไป เป็นต้น ด้วยเหตุที่เป็นการป้องกันการเสื่อมสภาพของน้ำมันและจะทำให้ปั๊มลมเสียหายได้
- วาล์วระบายความดัน ปั๊มลมจะประกอบด้วยวาล์วระบายความดัน การทำงานจะเป็นปกติถ้าวาล์วระบายความดันมีการเป่าลมออกมา เมื่อมีการดึงแหวนทดสอบที่หัวของวาล์วระบายความดัน
การแก้ไขปัญหาต่างๆ
มอเตอร์ไม่ทำงาน
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ฟิวส์ขาด |
ตรวจฟิวส์ |
แรงหมุนในการสตาร์ทมอเตอร์ไม่เพียงพอ |
ตรวจการต่อสายไฟ |
แรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป |
ตรวจการจ่ายแรงดันไฟฟ้า |
วงจรไฟฟ้า ไม่ต่อ |
ตรวจตัวรีเลย์การทำงานเกิน (โอเวอร์โหลด) |
มอเตอร์ร้อนเกินไป
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ใช้ไฟฟ้ามากเกินไป |
ตรวจการตั้งค่า |
อุณหภูมิรอบด้านมีความร้อนมากเกินไป |
ทำความสะอาดบริเวณที่อากาศเย็นไหลผ่าน |
ไฟหนึ่งสายในสามสายหลวม |
ตรวจการต่อสาย |
คอล์ยสตาร์ทเสีย |
ซ่อม หรือเปลี่ยนใหม่ |
แรงดันไฟฟ้าผิดปกติ |
ตรวจหม้อแปลงไฟฟ้า |
คอล์ยต่อลงดิน |
ตรวจวงจรไฟฟ้า |
แรงดันไฟฟ้าสูงหรือต่ำเกินไป |
ตรวจแหล่งจ่ายไฟฟ้า |
เสียงดังและสั่นสะเทือนผิดปกติ
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ศูนย์ไม่ตรง |
ปรับตั้งศูนย์เพลาและมูเล่ย์ใหม่ |
พื้นที่ตั้งไม่มั่นคง |
เสริมพื้นฐานให้แข็งแรงขึ้น |
น้ำหนักไม่สมดุล |
ติดต่อผู้แทนจำหน่ายให้ทำการปรับสมดุล |
ตลับลูกปืนแตก |
เปลี่ยนใหม่ |
การทำงานจากไฟ 3 สายเหลือสายเดียว |
ตรวจสอบวงจรไฟฟ้า |
ปั๊มลมไม่ทำงาน
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
อุณหภูมิอากาศที่ปล่อยออกมาสูงเกินไป |
ทำความสะอาดตัวทำความเย็น |
อุณหภูมิสูง ตัวรีเลย์มีการทริป |
ตรวจสาเหตุที่ใช้ไฟสูงเกินไป (โอเวอร์โหลด) |
ไฟไม่เข้า |
ตรวจการจ่ายไฟฟ้าหลัก (เมนของไฟฟ้า) |
ตัวควบคุมรีเลย์เสีย |
เปลี่ยนใหม่ |
มอเตอร์พัดลมไม่ทำงาน |
ตรวจการจ่ายไฟที่สายไฟของมอเตอร์ |
การทริปของตัวสวิทซ์วัดอุณหภูมิสูง
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ความดันลมที่ปล่อยมาสูงเกินไป |
ปรับสวิทซ์ความดัน สตาร์ทเครื่องใหม่และวัดค่าแอมแปร์เมื่อแรงดันถึงขีดสูงสุด |
น้ำมันเครื่องขาด |
ตรวจระดับน้ำมัน |
การต่อสายจ่ายไฟไม่แน่นพอ |
ตรวจการต่อสายไฟฟ้าทั้งหมด |
ตัวเซ็นเซอร์อุณหภูมิเสีย |
เปลี่ยนใหม่ |
การตั้งค่าไม่ถูกต้อง |
ติดต่อผู้แทนจำหน่าย |
ความดันอากาศต่ำเกินไป
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
อากาศรั่ว หรือวาล์วปรับการดูดไม่เปิด |
ตรวจจุดที่รั่วและทำการซ่อม |
ตัวกรองอากาศอุดตัน |
ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ |
การปรับวาล์วดิฟเฟอเรนเชียลผิด |
ปรับวาล์วใหม่ |
การปรับสวิทซ์ความดันผิด |
ปรับตัวตัดความดันเข้าและออกใหม่ |
เกจ์วัดความดันเสีย |
เปลี่ยนใหม่ |
กำลังปั๊มลมไม่เพียงพอ |
ติดต่อผู้แทนจำหน่าย |
อุณหภูมิของอากาศที่ปล่อยออกมาสูงมากเกินไป
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
การหมุนเวียนของอากาศเย็นไม่มีประสิทธิภาพพอ |
ตรวจสอบท่อหรือส่วนประกอบ |
ระดับน้ำมันต่ำมาก |
เติมน้ำมันให้ได้ระดับ และตรวจการรั่วซึม |
ตัวกรองน้ำมันเครื่องอุดตัน |
เปลี่ยนใหม่ |
ตัวทำความเย็นของน้ำมันอุดตัน |
ติดต่อผู้จำหน่าย |
อุณหภูมิรอบ ๆ สูงเกินไป |
ตรวจระบบการหมุนเวียนและการไหลของลม |
พัดลมทำความเย็นหมุนผิดทิศทาง |
ตรวจสายไฟมอเตอร์ |
ใช้น้ำมันเครื่องไม่ถูกต้อง |
ใช้น้ำมันตามคำแนะนำ |
ตัวกรองอากาศอุดตัน |
ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ |
ตัวตรวจสอบอุณหภูมิทำงานไม่ถูกต้อง |
ซ่อม หรือเปลี่ยนใหม่ |
หัวสกรูมีเสียงดัง |
ติดต่อผู้แทนจำหน่าย |
อัตราการใช้น้ำมันสูงมาก (กินน้ำมัน)
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ระดับน้ำมันสูงมาก |
ระบายน้ำมันออกให้อยู่ในระดับที่กำหนด |
ท่อทางเดินกลับของน้ำมันอุดตัน |
ทำความสะอาดท่อทางเดินน้ำมัน |
ตัวแยกน้ำมันเสียหาย |
เปลี่ยนตัวแยกน้ำมัน |
น้ำมันรั่วจากท่อทางเดินน้ำมัน |
ตรวจและซ่อมท่อ |
ซีลของหัวสกรูเสีย |
เปลี่ยนซีลใหม่ |
ใช้น้ำมันผิด |
ใช้น้ำมันตามคำแนะนำ |
อุปกรณ์ตัวแยกน้ำมันมีการอุดตันบ่อย ๆ
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ตัวกรองอากาศไม่ทำงาน |
เลือกอุปกรณ์กรองที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ |
ตัวกรองน้ำมันอุดตัน |
เปลี่ยนใหม่ |
มีการจับตัวของน้ำมากเกินไป |
เปลี่ยนน้ำมันใหม่ |
ตัวแยกน้ำมันไม่ถูกต้อง |
ใช้ยี่ห้อเฉพาะของ PUMA |
ใช้น้ำมันยี่ห้อ หรือเกรดอื่นปะปน |
ใช้น้ำมันตามคำแนะนำเท่านั้น |
วาล์วควบคุมลมเข้าทำงานไม่ถูกต้อง
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
การตั้งค่าสวิทซ์ความดันไม่ถูกต้อง |
ปรับตั้งค่าใหม่ หรือเปลี่ยนใหม่ |
ส่วนประกอบวาล์วควบคุมลมเข้าอุดตัน |
ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ |
สปริงปรับการควบคุมไม่ทำงาน |
เปลี่ยนสปริงใหม่ |
วาล์วโซลีนอยด์เสีย |
เปลี่ยนใหม่ |
ตัวเช็ควาล์วเสีย |
เปลี่ยนใหม่ |
ไอน้ำปะปนมากเกินไปในอากาศที่จ่ายออกมา
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
อุณหภูมิระหว่างการใช้งาน ไม่เป็นที่ยอมรับ |
ตรวจวาล์วควบคุมอุณหภูมิ |
มีการสะสมของน้ำอยู่ในตัวแยกและข้อต่อต่าง ๆ มากเกินไป |
ระบายออก หรือซ่อม |
มีความชื้นสูงในสภาวะอากาศโดยรอบ |
ติดตั้งระบบกำจัดความชื้น |
ตัวทำความเย็นเสีย |
ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ |
วาล์วระบายความดันที่ปล่อยลมออก
รายละเอียดของปัญหา |
การแก้ไข |
ตั้งค่าสวิทซ์แรงดันไม่ถูกต้อง |
ปรับตั้งค่าใหม่ |
วาล์วระบายแรงดันเสีย |
เปลี่ยนใหม่ |
เลือก ปั๊มลมสกรู เพิ่มเติมได้